กระทรวงสาธารณสุข เผย น้ำท่วมภาคใต้เพิ่มขึ้นเป็น 6 จังหวัดแล้ว มีผู้เสียชีวิตสะสม 11 คน โรงพยาบาลชุมชนปิดบริการ 4 แห่ง ส่งทีมแพทย์ดูแลประชาชนรวม 10,315 คน ขณะนี้ยังไม่พบการระบาดของโรคที่มากับน้ำท่วม
วันนี้ (30 พ.ย. 67) นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ครั้งที่ 36/2567 ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้เพิ่มขึ้นเป็น 6 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 คน จากการจมน้ำ รวมเสียชีวิต แล้ว 11 คน ได้แก่ ปัตตานี 3 คน และนครศรีธรรมราช ยะลา นราธิวาส สงขลา จังหวัดละ 2 ราย
ขณะที่สถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบรวม 94 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชน 8 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 42 แห่ง สาธารณสุขอำเภอ 3 แห่ง สถานบริการสาธารณสุขชุมชน 5 แห่ง และโรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารรณสุข 35 แห่ง สามารถเปิดให้บริการตามปกติ 12 แห่ง เปิดบริการบางส่วน 8 แห่ง และปิดบริการ 74 แห่ง จำนวนนี้เป็นโรงพยาบาลชุมชน 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลยะหริ่ง ย้ายบริการไปที่หน่วยปฐมภูมิยามู และย้ายผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลปัตตานี 3 คน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี 5 คน และโรงพยาบาลยะรัง 4 คน, โรงพยาบาลหนองจิกย้ายผู้ป่วย 20 คนไปที่โรงพยาบาลปัตตานี, โรงพยาบาลทุ่งยางแดงเปิดโรงพยาบาลสนามที่บ้านตลาดนัดฆอมิส ย้ายผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลปัตตานี 1 คน และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี 4 คน และโรงพยาบาลแม่ลานย้ายผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโพธิ์ 6 คน และโรงพยาบาลปัตตานี 2 คน
ส่วนการดูแลช่วยเหลือประชาชน มีการจัดตั้งศูนย์พักพิง 196 แห่ง ในจังหวัดยะลา นราธิวาส สงขลา และปัตตานี รองรับประชาชนได้ 30,000 คน มีผู้เข้าพัก 11,317 ราย เป็นกลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลแล้ว 1,064 ราย และจัดทีมปฏิบัติการด้านการแพทย์ทั้งทีมสอบสวนโรค ทีมเยียวยาจิตใจ (MCATT) ทีมอนามัยสิ่งแวดล้อม ทีมการแพทย์ฉุกเฉิน และอื่น ๆ รวม 632 ทีม ให้บริการประชาชนรวม 10,315 คน โดยโรคที่พบมากสุด 3 อันดับ คือ น้ำกัดเท้า ระบบทางเดินหายใจ และระบบผิวหนัง เช่น แพ้ ผื่นคัน ส่วนโรคที่มากับน้ำท่วมนั้นยังไม่พบสัญญาณการเกิดโรค นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเวชภัณฑ์เป็นยารักษาน้ำกัดเท้า และยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นพ.ศักดา ได้กำชับให้ทุกจังหวัดยังติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผลกระทบจากฝนตกหนัก รวมถึงเน้นย้ำการดูแลผู้ป่วยตั้งครรภ์และผู้ป่วยฟอกไต ตามข้อสั่งการของที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)