ทนายบอสพอล เตรียมยื่นคำให้การ DSI พรุ่งนี้ เผย บอสพอลไม่ได้มีข้อกังวลใด ๆ เนื่องจากได้มีการพูดคุยเรื่องคำให้การเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
2 ธันวาคม 2567 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท The Icon Group เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมบอสพอลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กว่า 2 ช.ม. ว่า วันนี้มาคุยเรื่องคำให้การเพิ่มเติม เป็นลายลักษณ์อักษรที่จะต้องยื่นให้กับทางพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ในวันพรุ่งนี้ ( 3 ธันวาคม 2567 ) ซึ่งทางทีมทนายได้จัดทำคำให้การอย่างละเอียดจำนวน 6 หน้า และได้ให้ทางบอสพอลลงนามในคำให้การเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในคำให้การดังกล่าว นอกจากจะต่อสู้ในข้อกล่าวหาเดิม ยังได้เพิ่มเติมประเด็นต่อสู้ข้อกล่าวหาที่ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ต้องหา ทั้งข้อหากู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่ , ข้อหาตามกฎหมายขายตรงว่าด้วยเรื่องของลักษณะพฤติการณ์เป็นการทำธุรกิจเพื่อหาลูกข่ายหรือคนลงทุนมากกว่าเป็นการขายของ และข้อหาประกอบกิจการขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ในประเด็นดังกล่าวนั้น บอสพอลไม่ได้มีข้อกังวลใด ๆ เนื่องจากได้มีการพูดคุยเรื่องคำให้การเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตนและทีมทนายความได้อธิบายอย่างชัดเจนและได้จัดทำร่างคำให้การเบื้องต้นเอาไว้ให้กลุ่มผู้ต้องหาได้อ่าน ที่พูดคุยวันนี้จึงไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติม
สำหรับกรณีที่จะตรวจสอบบรรดาผู้เสียหายว่าเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ ทนายความกล่าวว่า อยู่ในระหว่างการรอเอกสารจาก DSI เนื่องจากทาง DSI ระบุว่า ในบรรดากลุ่มผู้เสียหายที่มาแจ้งความข้อหาฉ้อโกงประชาชนลดลงจากหมื่นกว่ารายเหลือ 9,000 กว่าราย ตนก็เลยทำหนังสือขอทาง DSI ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ให้ส่งรายชื่อและคำให้การกับพฤติการณ์ของผู้เสียหายทั้ง 9,000 รายอย่างละเอียดมาให้ ต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน ทาง DSI ได้ทำหนังสือตอบกลับมาว่า อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่ผ่านมาจนถึงวันนี้ตนก็ยังไม่ได้เอกสารดังกล่าว แม้จะให้ทางทีมงานไปขอเป็นรายชื่อมาแทน ก็ยังไม่ได้
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นผู้เรื่องความล่าช้าของทาง DSI หรือไม่ ทนายความกล่าวว่า จากที่ตนสอบถามล่าสุด DSI ระบุว่ากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะให้เอกสารได้หรือไม่ แต่ตนมองว่า เป็นสิทธิที่ฝั่งผู้ต้องหาจะต้องต่อสู้คดี DSI ก็ควรที่จะให้ แต่แต่ไม่ว่าจะให้วันนี้หรือจะให้พรุ่งนี้ก็ไม่ทันแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรมที่ขอเอกสารจาก DSI แล้วยังไม่ได้ เพราะไม่งั้นจะต่อสู้คดีได้อย่างไร
ส่วนจะมีผลต่อการยื่นคำให้การเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น ทนายความระบุว่า ตนก็จะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเท่าที่จะยื่นได้และจะพยายามทำให้ละเอียดที่สุด เนื่องจากฝั่งตนได้เตรียมพยานเอกสารมากถึง 1 ลัง รวมทั้งพยานหลักฐานจากราชการ โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของ สคบ. ที่ยืนยันว่า The Icon Group ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง แต่เป็นธุรกิจตลาดแบบตรง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าคำให้การและพยานหลักฐานที่มีอยู่นั้น จะสามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้เกือบหมด
ขณะที่การนำพยานฝั่ง The Icon Group มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน DSI นั้น ทนายความระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเจรจากับทาง DSI เพราะเนื่องจากทาง DSI ขอให้คัดตัวแทนมาให้ปากคำ ตนก็เลยคัดตัวแทนสายบอสละ 5 คนไปให้ปากคำ เบื้องต้นได้มีการให้ปากคำไปแล้ว 5 ราย และวันนี้มีไปให้ปากคำกับ DSI อีก 12 ราย แล้วพรุ่งนี้จะไปอีกให้ครบ 30 คน
เมื่อถามถึงกรณีฟิล์ม รัฐภูมิ อดีตนักแสดงที่จะถูกออกหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ทนายความระบุว่า ส่วนตัวไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเนื่องจากข้อหาที่ฟิล์มรัฐภูมิถูกออกหมายเรียกคือพยายามกรรโชกทรัพย์ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทีมทนายความของตนได้แจ้งข้อกล่าวหานี้กับทางพนักงานสอบสวนไปตั้งแต่แรก จึงเป็นเรื่องปกติที่ทางพนักงานสอบสวนจะต้องออกหมายเรียกผู้ต้องหา เช่นเดียวกับ น.ส.กฤษอนงค์ แต่ตอนนี้ น.ส.กฤษอนงค์ยังถูกฝากขังในคดีแรกอยู่
ส่วนกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช นักการเมืองและผู้ต้องในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน เท่าที่ตนทราบจากทีมทนายความของนายสามารถระบุว่า ในวันนี้อยู่ในระหว่างการรอคำสั่งของศาลว่า จะพิจารณารับคำร้องขออุทธรณ์คัดค้านคำสั่งไม่ให้ประกันตัวนายสามารถในชั้นฝากขังหรือไม่
แต่ส่วนตัวได้พูดคุยกับทีมทนายของนายสามารถว่าไม่ว่าผลออกมาจะได้ประกันหรือไม่ ก็ขอให้ทีมทนายความกำชับให้นายสามารถกินข้าว เพราะทำอย่างนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์และนายสามารถอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องแชร์ลูกโซ่กับบริษัทบริษัทหนึ่ง เท่าที่ตนทราบแม้นายสามารถจะเข้าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่นายสามารถก็ยังคงอดข้าวอยู่ ส่วนจะออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือไม่ อันนี้ตนยังไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามวันนี้เวลา 16.00 น. ตนจะเดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในคดีกรรโชกทรัพย์ 7.5 แสนบาทของ น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช โดยประเด็นหลักคือการมอบเอกสารถอดถ้อยคำไฟล์เสียงยาว 6 ชั่วโมงที่ยืนยันว่า มีถ้อยคำในลักษณะของการทำให้ผู้เสียหายเกิดอาการหวาดกลัวและยอมจ่ายเงินให้แก่ผู้ต้องหา