ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หญิงเจ้าของธุรกิจให้เช่ารถยนต์ ที่ถูกคนร้ายมาหลอกเช่ารถไปเที่ยว แล้วนำรถไปขาย ซึ่งเธอตามจีพีเอสไป จนเจอรถจอดอยู่ในโกดังแห่งหนึ่งที่สมุทรปราการ ล่าสุดเธอไปพบกล้องวงจรปิดของร้านกาแฟ ใกล้ๆ กับร้านเช่ารถของเธอ พบว่า คนร้ายมากัน 3 คน มาสั่งน้ำ 3 แก้ว ก่อนจะเช่ารถ
พบเบาะแส 3 คนร้าย หลอกเช่ารถยนต์ไปขาย
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ข่าวเย็นประเด็นร้อน นำเสนอกรณี นางสาวอลิสา ซึ่งเป็นคนให้เช่ารถยนต์ ไปตามหารถยนต์ของตัวเอง หลังจากมีคู่หญิงชายลักษณะคล้ายเป็นแฟนกันมาเช่า อ้างจะไปเที่ยวเพชรบูรณ์ แต่ปรากฏว่านำไปขาย เจ้าของรถรู้สึกผิดปกติที่รถเคลื่อนที่โดยไม่สตาร์ทเครื่อง จึงตามรถไปตามจีพีเอส ที่หยุดอยู่ในโกดังแห่งหนึ่งในซอยนครเขื่อนขันธ์ 3 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ จากนั้นได้ให้ตำรวจพระประแดง พาไปเอารถคืน พบว่าเจ้าของโกดังเป็นชาวปากีสถาน และยืนยันว่าตนซื้อรถคันที่มีปัญหา ซึ่งมีคนประกาศขายทางเฟซบุ๊ก โดยเจ้าของรถบอกว่า ในโกดังเธอพบรถอยู่ในนั้นประมาณ 20 คัน
ความคืบหน้าเรื่องนี้ หลังจากนางสาวอลิสา แจ้งความไว้กับตำรวจ สภ.พระประแดง ซึ่งเป็นพื้นที่เจอรถยนต์ในโกดัง และแจ้งความที่ สน.มีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเช่ารถยนต์ ล่าสุด เธอได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดร้านกาแฟที่อยู่ข้าง ๆ ร้านของเธอ พบว่าช่วงบ่ายวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน คนร้าย 3 คน เป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 2 คน ได้เข้ามาที่ร้านกาแฟ จากนั้นสั่งน้ำ 3 แก้ว อยู่ในร้านสักพัก ผู้หญิงใส่เสื้อดำโทรศัพท์เหมือนประสานงานกับใครสักคน จากนั้นผู้หญิงคนใส่เสื้อชมพู และผู้ชายใส่เสื้อยีนส์ ออกไปจากร้านกาแฟ แล้วไปที่ร้านเช่ารถ
โดยคนที่ทำสัญญาเช่ารถ และเป็นคนให้สำเนาบัตรประชาชน และถ่ายรูปไว้คู่กับรถยนต์ คือนางสาว สุชัญญา อายุ 24 ปี ส่วนผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน ทำทีเหมือนว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน สันนิษฐานว่าอายุไม่เกิน 30 ปี ซึ่งตำรวจ สน.มีนบุรี กำลังตรวจสอบบุคคลทั้งสามคนอยู่ว่า มีประวัติการก่อเหตุลักษณะนี้มามากน้อยเพียงใด
เจ้าของโกดังยืนยันทำอู่รถ เสียท่าซื้อรถขายถูกในเฟซบุ๊ก
วันนี้ ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน เดินทางไปที่โกดังแห่งนี้อีกครั้ง พบกับเจ้าของอู่ชาวปากีสถาน คือนายอาซาดอา ดิน เดินทางเข้ามาพอดี จึงเข้าไปสอบถามถึงการซื้อรถคันที่เจ้าของตามจีพีเอสมาว่าซื้อมาอย่างไร และโกดังแห่งนี้ทำอะไรกันแน่ ทำอู่ซ่อมรถ หรือว่าชำแหละรถขายอะไหล่
นายอาซาดอา ได้นำเล่มทะเบียนรถแต่ละคัน เอกสารการประมูล และการซื้อขายรถยนต์มาให้ดู พร้อมชี้แจงว่า ตนมีภรรยาเป็นคนไทย ได้เปิดบริษัทร่วมกัน แล้วไปประมูลรถยนต์จากบริษัทประมูลรถยนต์แห่งหนึ่ง มาซ่อมและขายต่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อซ่อมเสร็จ จะโพสต์ขายต่อในเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษในราคาไม่แพง ทำให้มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ
ตนและภรรยาเปิดบริษัทและทำมา 2 ปีแล้ว ตอนนี้มีรถยนต์ที่ประมูลมา และซื้อต่อจากเจ้าของโดยตรงรวม 20 คันอยู่ในอู่ ซึ่งทีมข่าวเย็นประเด็นร้อนตรวจสอบตามเอกสารที่นายอาซาดอา นำมาให้ดูเทียบกับรถแต่ละคันที่จอดอยู่ พบว่ารถทุกคันมีเล่มทะเบียน เอกสารการประมูล และเอกสารการซื้อขาย
ส่วนที่ต้องปิดอู่มิดชิด นายอาซาดอา บอกว่า เพราะที่นี่มีเพียงตนกับลูกน้องอีกคนดูแลอยู่ ไม่มีช่างซ่อมรถยนต์อยู่ประจำ แต่เมื่อประมูลรถยนต์มาได้ จะใช้วิธีหาช่างรับเหมาทำรถเป็นคัน ๆ ไป จึงไม่มีลูกจ้างที่เป็นช่างอยู่ที่นี่
ส่วนรถคันที่เกิดปัญหา ฮอนด้า ซีวิค ที่ซื้อมาแล้วถูกเจ้าของตาม GPS จนมาพบว่าจอดอยู่ในอู่แห่งนี้ ยืนยันว่าตนเป็นคนถูกหลอกให้ซื้อ โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยซื้อรถยนต์ที่ขายทางเฟซบุ๊ก แต่เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่เห็นโพสต์ขายรถยนต์ราคาค่อนข้างถูก รถฮอนด้าซีวิค ปี 2020 ราคา 139,000 บาท จึงทักแช็ตไปติดต่อซื้อ เมื่อตกลงราคากันได้ จบที่ราคา 126,000 บาท ก็โทรศัพท์บอกรถสไลด์ที่ใช้บริการเป็นประจำ ให้ไปรับรถที่รังสิต ซึ่งตอนพูดคุยกันบอกว่ามีเล่มทะเบียน พร้อมกับโอนเงินให้ แต่พอรถสไลด์นำรถมาถึงอู่ กลับพบว่ามีเพียงแค่สำเนาเล่มทะเบียน และสำเนาบัตรประชาชนคนขาย ที่ภายหลังตำรวจบอกว่าเป็นบัตรประชาชนปลอมด้วย
จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเจ้าของรถตามมาพร้อมกับตำรวจ ตนก็พยายามอธิบายว่า ถูกหลอกซื้อมาเหมือนกัน พร้อมกับส่งข้อความไปต่อว่าคนขาย หลังจากนั้นก็โดนชายที่ขายรถให้บล็อกเฟซบุ๊ก ติดต่อไม่ได้อีกเลย
รองผู้กำกับสืบสวน สภ.พระประแดง ให้ข้อมูลว่า ตำรวจเข้าไปตรวจสอบอู่รถดังกล่าวแล้ว พบว่ารถยนต์ที่อยู่ในนั้น 20 คันมีเอกสารครบถ้วนหมด ส่วนใหญ่เป็นการไปประมูลมาซ่อม มีบางคันที่ซื้อจากคนรู้จัก ซึ่งมี 4 คันที่โอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อของภรรยาเจ้าของอู่แล้ว ที่ตำรวจต้องติดตามตอนนี้ก็คือแก๊งไปเช่ารถแล้วนำมาขายต่อ ซึ่งมีการปลอมบัตรประชาชน ให้ชื่อตรงกับเจ้าของกรรมสิทธิ์รถ แล้วโพสต์ขายในเฟซบุ๊ก