จับ 2 ผู้ต้องหา ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงานฟาร์มวัวนิวซีแลนด์

จับ 2 ผู้ต้องหา ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงานฟาร์มวัวนิวซีแลนด์

View icon 106
วันที่ 7 ธ.ค. 2567 | 16.28 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจไซเบอร์ ร่วมสถานทูตนิวซีแลนด์ แถลงจับ 2 ผู้ต้องหา ปลอมวีซ่า หลอกคนไทยไปทำงานฟาร์มวัวนิวซีแลนด์ รีดหัวละ 7 หมื่นบาท

วันนี้ (7 ธ.ค.67) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. รรท.ผบช.สอท., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3, นายจัสติน แอลเวส ผู้จัดการด้านการตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, นายเบน ควินน์ เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการอพยพที่ผิดกฎหมาย สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ประเทศไทยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนิวซีแลนด์, และ นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้กระทำผิดหลอกทำวีซา

คดีนี้สืบเนื่องจากสถานทูตนิวซีแลนด์ ตรวจพบความผิดปกติของแรงงานไทยที่เดินทางเข้าไปทำงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ และจากเอกสารการขอวีซาเพื่อเข้าประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า มีการยื่นเอกสารเพื่อขอทำวีซาปลอม จึงประสานมายังตำรวจไซเบอร์เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.ชัยวงศ์ ทองน้อย สว.ปรก. กก.2 บก.สอท.3 ได้สืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย

กระทั่งวันที่ 6 ธ.ค.67 เวลา 07.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.อ.มรกต แสงสระคู ผกก.2 บก.สอท.3 นำกำลังเข้าบุกค้นบ้านย่านประเสริฐมนูกิจ ซึ่งเป็นแหล่งกบดานหลบหนีของคนร้าย สามารถจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ น.ส.จันทิมา และนายอนุวัตน์ ตัวการในการหลอกทำวีซ่าไปทำงานประเทศนิวซีแลนด์ โดยผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในการหลอกลวงแรงงานมาแล้วหลายครั้ง มีความเชี่ยวชาญ และปิดตัวเองจากโลกออนไลน์ แม้กระทั่งบัตรประชาชนยังไม่เคยทำมาร่วมสิบปี จนกระทั่ง

จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายเรียนรู้จากประสบการณ์การไปทำงานที่เกาหลี จึงพบช่องทางว่ามีคนไทยสนใจไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ยอมเสียเงิน กู้หนี้ยืมสิน เพื่อให้ได้ไปทำงานต่างประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานสูง คนร้ายจึงเข้าไปศึกษาในกลุ่มหางานต่างประเทศ และเริ่มหลอกลวงโดยเริ่มจากผู้ที่ต้องการหางานที่ประเทศเกาหลี ต่อมาเห็นว่าตลาดที่เกาหลีขาดความน่าสนใจ จึงพุ่งเป้ามาที่ประเทศนิวซีแลนด์ที่มีค่าจ้างแรงงานสูงกว่า โดยการศึกษาหาข้อมูลจากทางโซเชียลจนสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับงาน ขั้นตอนต่าง ๆ ในการยื่นขอวีซาไปทำงาน

คนร้ายได้ซื้อเพจเฟซบุ๊กที่มีคนติดตามจำนวนมากมาจากบุคคลอื่น และโพสต์ชักชวนไปทำงานที่นิวซีแลนด์ โดยตั้งราคาให้น้อยกว่าเพจอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจ เมื่อเหยื่อสนใจ คนร้ายจะทักเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น และส่งต่อผู้เสียหายโดยอ้างว่าให้คุยกับเอเจนซีที่นำคนงานเข้าทำงานประเทศนิวซีแลนด์โดยตรง ใช้ชื่อไลน์ “วุฒิ” ผู้เสียหายสนใจงานประเภทฟาร์มวัว ที่ประเทศนิวซีแลนด์ คนร้ายจึงได้ให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลส่วนตัวไป เพื่อใช้ประกอบการสมัครงาน และแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่าย จำนวน 70,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการเรื่องวีซาทำงาน 50,000 บาท ค่าครองชีพ (ค่าเสื้อผ้า , ค่าของใช้ส่วนตัว) 20,000 บาท สัญญาทำงานกับนายจ้างปีต่อปี 

ส่วนรายละเอียดค่าตอบแทนต้องไปตกลงกับนายจ้างที่ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากนั้นจะทำการพูดคุยทักทายกับเหยื่อเรื่อย ๆ และเปิดวีดีโอคอลให้เหยื่อเห็นหน้าเพื่อให้เหยื่อเชื่อโดยสนิทใจ และคนร้ายจะแจ้งว่าสัญญาจ้างถูกส่งมาจากประเทศนิวซีแลนด์แล้ว และคนร้ายจะทำการถ่ายรูปสัญญาจ้างที่ตนเองทำขึ้นเองส่งไลน์ให้กับเหยื่อดู และจะแจ้งว่าห้ามส่งต่อข้อมูล หากข้อมูลมีการรั่วไหลจะดำเนินคดี เมื่อเหยื่อหลงเชื่อคนร้ายได้ให้โอนเงินให้แบ่งเป็นรอบ ๆ เมื่อได้เงินและเหยื่อเริ่มสงสัยคนร้ายจะทำการปิดกั้นการติดต่อ

จากการปฏิบัติการในครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องได้ 2 ราย โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันปลอมเอกสาร ,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่า ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง”

ทั้งนี้ หากมีผู้เสียหายที่ถูกขบวนการนี้หลอกลวงหรือถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือติดต่อสถานีตำรวจใกล้บ้านท่านเพื่อดำเนินการกับกลุ่มผู้ต่องหาต่อไป กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจะดำเนินการปราบปรามการกระทำความผิดและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ  ที่ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนคนไทยในทุกมิติ และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง