มอบตัวแล้ว หนุ่มขับรถฝ่าด่านฯ ตำรวจ บก.จร.จับผิดตัว แจ้ง 4 ข้อหา

View icon 118
วันที่ 10 ธ.ค. 2567 | 07.02 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - หัวหน้าเจ้าหน้าที่ขับรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นคนขับรถสีแดงฝ่าด่านตรวจวัดความเมา ชนวนเหตุที่ทำให้เกิดเหตุตำรวจ บก.จร. จับคนขับรถฝ่าด่านผิดตัว เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว เจ้าตัวยอมรับว่ากระทำผิดจริง

เป็นภาพ นายธนายุทธ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ขับรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ สีแดง ฝ่าด่านตรวจวัดความเมา พร้อมทนายความ ปรากฏกายครั้งแรกต่อหน้าสื่อมวลชน โดยเดินทางมาที่ สน.บางเขน เมื่อประมาณ 18.00 น. เมื่อวาน ก่อนขออนุญาตสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว เข้าไปพบพนักงานสอบสวนก่อน เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังว่าข้อเท็จจริงในวันนั้นเป็นอย่างไร

พนักงานสอบสวนใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง สอบปากคำ นายธนายุทธ ก่อนพาตัวออกจากห้องสอบสวน เดินไปยังรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อถ่ายรูปนำไปประกอบในสำนวนคดี หลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว ก็ได้แจ้งความดำเนินคดี รวมทั้งหมด 4 ข้อหา เมาแล้วขับ, ทำให้เสียทรัพย์, ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน และข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวม 4 ข้อหา พร้อมอนุญาตให้ปล่อยตัวนายธนายุทธ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามามอบตัว และไม่มีเจตนาหลบหนี พร้อมกับนัดหมายให้ไปส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือ ในช่วงเช้า วันที่ 11 ธันวาคมนี้

นายธนายุทธ ออกมาเปิดใจขอโทษ และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝ่าด่านตรวจ เพราะวันเกิดเหตุ หลังจากดื่มสังสรรค์มาจากย่านหมอชิต ก็ขับรถเข้าด่านตรวจปฏิบัติตามขั้นตอน ทั้งเป่าวัดแอลกอฮอล์ และมอบใบขับขี่ให้ตำรวจตรวจสอบด้วย

แต่พอตรวจวัดแอลกอฮอล์เบื้องต้นเสร็จ ตำรวจให้ขับรถเข้าข้างทาง ต้องการตรวจวัดแอลกอฮอล์อย่างละเอียดอีกรอบ และทำบันทึกการจับกุม ยืนยันตอนนั้นรู้สึกตกใจ ไม่เคยดื่มแล้วขับรถมาเจอด่านตรวจ จึงขาดสติยั้งคิด ขับรถออกจากด่านกลับไปบ้าน มาทราบข่าวภายหลังว่าลูกชายอดีตตำรวจถูกตำรวจ 7 นายรุมทำร้าย เพราะเข้าใจผิด ก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุ

ขณะที่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ต้นสังกัดของผู้ต้องหา มีคำสั่งพักงานเบื้องต้น 15 วัน แม้ช่วงที่เกิดเหตุเจ้าตัวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้า เนื่องจากอยู่นอกเวลาการปฏิบัติงาน แต่เรื่องดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดต่อกฎหมาย ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และบาดเจ็บ รวมถึงส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กร จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โทษหนักสุดคือให้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ

ด้าน รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 วันนี้ไปประชุมพิจารณาเอาผิดตำรวจ บก.จร. 7 นาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา

หลังจากสัปดาห์ที่แล้วแจ้งความเอาผิดตำรวจทั้ง 7 นายไปแล้ว ใน 2 ข้อหา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย

ส่วนข้อหาที่ 3 ที่จะพิจารณาเอาผิด เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งหลังจากนี้จะทำหนังสือไปถึงอัยการ ให้มาร่วมกันสอบสวน เพื่อยืนยันว่าเข้าข่าย หรือไม่เข้าข่าย ก่อนจะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน จากนั้นก็ต้องรอว่า คดีนี้ ป.ป.ช. จะรับทำเอง หรือจะส่งกลับมาให้ตำรวจดำเนินการต่อไป

ทีมข่าว 7HD โทรไปสอบถามเรื่องนี้กับ "บีม" นางสาวธนัชตา เกิดศรี น้องสาวของนายธนานพ ผู้บาดเจ็บ อัปเดตอาการบาดเจ็บให้ฟัง ว่าพี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ให้แพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ที่น่ากังวลอาการเลือดคั่งในตา แพทย์ประเมินว่าต้องรักษาอย่างน้อย ๆ 1-3 เดือน ไม่รับประกันว่าจะกลับมาสู่สภาวะปกติได้หรือไม่ ตอนนี้ดวงตาของพี่ทั้งสองข้างไม่สามารถสู้แสงไฟ หรือแสงแดดได้เลย ส่วนที่บริเวณท้องยังมีอาการปวด ไม่สามารถเกร็ง หรือขับถ่ายได้ตามปกติ

เรื่องการเข้าเยี่ยม หากมีนายตำรวจระดับสูงติดต่อขอเยี่ยม ก็ยินดีที่จะให้เยี่ยม แต่ขอให้มาแต่ตัว ไม่ต้องนำกระเช้า หรือเงินมาให้ เพราะไม่ขอรับทุกกรณี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีกระเช้าติดป้ายว่ามาจาก "บก.จร." วันละอย่างน้อย 2 กระเช้า ซึ่งก็แจ้งกับโรงพยาบาลไปแล้วว่า "ไม่ขอรับ"

ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 7 นาย ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ก็ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งเมื่อวานก็มีพ่อของหนึ่งในผู้ต้องหา โทรมาหาตน พยายามจะขอโทษ อยากขอมาเข้าเยี่ยม แต่พ่อของตนได้ปฏิเสธไป ซึ่งพ่อของหนึ่งในผู้ต้องหาก็พยายามอธิบายว่า ลูกของตนไม่ได้ร่วมทำร้าย เพียงแค่เป็นคนขับรถตามไปเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง