พ่อเห็นคลิปเชื่อลูกชายได้รับความเป็นธรรม

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ทุกอย่างเริ่มชัด กรณีชายหักดิบเลิกเหล้า 2 วัน หามส่งโรงพยาบาล สุดท้ายโรงพยาบาลแจ้งพ่อว่าทำรุนแรงไปหน่อย ลูกชายเสียชีวิต

ในภาพจะเห็น นายสะอาด พยายามเดินออกจากห้องพักผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ดูแล 2 คน ช่วยกันจับกุมตัว ยื้อยุดฉุดกระชาก แล้วเหวี่ยง นายสะอาด จนศีรษะกระแทกพื้น เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน คนหนึ่งชกไปที่ใบหน้าไม่ยั้งหลายที อีกคนช่วยจับแขน ก่อนจะเอามือกดไปที่ใบหน้า

จากนั้นก็มีพยาบาลหญิง 2 คน เดินเข้ามาในห้อง คนหนึ่งใช้เท้าเหยียบกดที่เท้าของ นายสะอาด อีกคนยืนโทรศัพท์แจ้ง

อีกช่วงเป็นภาพพยาบาลอีกคนนำกุญแจมือไปส่งให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน จากนั้นก็นำพยายามล็อกมือไพล่หลัง นายสะอาด ก็พยายามดิ้นต่อสู้ไม่หยุด 

เราย้อนดูไทม์ไลน์เรื่องนี้ นายสะอาด อายุ 31 ปี ดื่มเหล้าขาวติดเป็นนิสัย ดื่มทุกวัน จนมาเมื่อวันที่ 2 ตัดสินใจเลิกดื่มเหล้าแบบหักดิบ เลิกได้ 2 วัน เข้าวันที่ 4 ธันวาคม มีอาการช็อก มือสั่น เป็นอาการแบบที่คนเรียกว่า "ลงแดง" คือ ช็อก มือสั่น หูแว่ว พ่อก็นำส่งโรงพยาบาลกันทรลักษ์

ตอนนั้นลูกชายอาการปกติดี หมอรักษาอาการช็อกจนหายดี นอนอยู่ที่ตึกใหญ่ อายุรกรรม ชาย นอนอยู่ 2 วัน วันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 03.00 น. แพทย์มาแจ้งว่าจะย้ายตึกไปอยู่ตึกสงฆ์ เป็นตึกที่ดูแลผู้ป่วยจิตเวช เพราะลูกชายมีอาการพูดไม่รู้เรื่อง เล่นแต่โทรศัพท์ ไม่หลับไม่นอน เมื่อไปถึงตึก มีเจ้าหน้าที่แจ้งให้ไปรอข้างนอก พบว่าลูกถูกรุมทำร้าย

ต่อมา วันที่ 7 ธันวาคม 2567 ลูกชายเสียชีวิต หลังเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโทรศัพท์ติดต่อตน ไม่ทราบว่าใคร และแจ้งว่าทำรุนแรงไปหน่อย ให้มารับศพตอนกลางคืน

ผลชันสูตรศพ พบว่า เสียชีวิตจากสมองได้รับบาดเจ็บจากการถูกกระแทกของแข็ง

หลังเกิดเรื่อง สสจ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และตำรวจ ไปที่บ้านผู้เสียชีวิต พูดคุยกับญาติพี่น้องแจ้งว่าได้ตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน ในคลิปแล้ว 

ล่าสุด พ่อที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้เดินทางกลับไปที่บ้าน ทันทีที่ไปถึงก็ตรงเข้าไปที่โลงศพของลูกชายทันที พร้อมกับจุดธูปเทียนไหว้ศพ บอกกล่าวเรื่องทั้งหมดให้ลูกชายได้รับรู้ ใจความว่า "พ่อกำลังหาความยุติธรรมให้ลูกได้รับความยุติธรรม"

ผู้สื่อข่าวเราได้คุยกับพ่อ พ่อบอกได้ดูคลิปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นกับลูกชายของตน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีหลายคนไม่ยอมเชื่อว่า ในสิ่งที่ตนบอกว่าลูกชายของตนถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งพอมีคลิปจากกล้องวงจรปิด ก็ทำให้ความจริงมันเริ่มเด่นชัด ตั้งใจว่าจะเผาศพลูก วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคมนี้

เมื่อเช้าผู้สื่อข่าวเราไปที่บ้านอีกครั้ง พบว่าพวงหรีดที่ทาง โรงพยาบาลกันทรลักษ์ นำมามอบให้เมื่อวานปรากฏว่า ญาตินำไปโยนทิ้งที่หลังบ้าน เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ และไม่อยากจะรับสิ่งของใด ๆ จากโรงพยาบาล

ขณะที่บรรยากาศงานศพ พบว่าพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) นั่งร้องไห้อยู่ที่ข้างโลงศพ ระบายความในใจกับน้องชาย ตัดพ้อว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกิดกว่าเหตุ ไม่ให้อภัย อย่ามาเคารพศพเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจถึงตาย

ส่วนพ่อ เท่าที่พูดคุยกังตัดพ้อถึงการทำงานของตำรวจที่ไม่รับแจ้งความถึง 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 บอกจะเอานักข่าวมาตำรวจถึงรับแจ้งความ และตอนนี้รู้สึกสบายใจ  นอนหลับได้แล้ว หลังจากหลายคืนที่ผ่านมานอนไม่หลับเลย

นายแพทย์อังกูร ภัทรากร นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยติดแอลกอฮอล์ไม่ใช่ผู้ป่วยจิตเวช หรือผู้ป่วยยาเสพติด แต่เป็นผู้ป่วยโรคทางสมอง จะแสดงอาการชัก มือสั่น ตัวสั่น ถ้าหากหักดิบด้วยการไม่ดื่มสุราเลย ซึ่งถือเป็นวิธีที่ผิด จะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ การรักษาและบำบัดผู้ป่วยในลักษณะนี้ ต้องใช้ผู้ดูแลรักษาที่มีความรู้ ผ่านการอบรมเฉพาะทาง ให้สามารถรับมือผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง

ที่สำคัญ การผูกมัดคนไข้ไว้กับเตียง ป็นวิธีที่ผิด เพราะไม่ได้แก้ปัญทางสมองที่เกิดขึ้น ใช้กับคนไข้ที่ติดแอลกอฮอล์ไม่ได้โดยเด็ดขาด

เพจหมอบ่นบอกว่า เคสนี้เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุจริง แต่ต้องย้อนไปดูถึงนโยบาย ว่าทำไมถึงส่งคนไข้ ติดยาเสพติด ติดแอลกกอฮอล์มารักษาที่นี้ เพราะโรงพยาบาลยังไม่ความพร้อมในการดูแล ทำให้เกิดผลกระทบตามมา

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับขาดแคลนบุคลากรที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวโดยจะมีการประชุมเพื่ออบรมการดูแลบำบัดผู้ติดสุรา (ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมรุนแรง) ให้มีความพร้อม แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คน ได้ถูกสั่งให้พักราชการ เหมือนลักษณะให้ออกราชการ ส่วนพยาบาลอีก 2 คนได้สอบสวนข้อเท็จจริง และตัวผู้อำนวยการโรงพยาบาล เรียกตัวเข้ามาส่วนกลางแล้ว ส่วนจะมีความผิดถึงขั้นอาญาหรือไม่ ต้องสอบสวนก่อน แต่ความผิดต้องมีแน่นอน