หนุ่มวัย 43 ถูกยิงหน้าผาก และใต้ราวนมดับกลางทุ่งนา

หนุ่มวัย 43 ถูกยิงหน้าผาก และใต้ราวนมดับกลางทุ่งนา

View icon 217
วันที่ 11 ธ.ค. 2567 | 17.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มวัย 43 ถูกยิงหน้าผาก และใต้ราวนมดับกลางทุ่งนา ญาติสงสัยเพื่อนคนสนิท คนที่รับตัวออกจากที่นา อาจเป็นผู้ก่อเหตุ ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้าย

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ธ.ค.2567 ร.ต.อ.ดาวรุ่ง เทาทองสุข รอง สว.สอบสวนสภ.ชนบท ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีชาวบ้านพบศพคนเสียชีวิตอยู่ในทุ่งนา พื้นที่ดังกล่าว ขอให้ไปตรวจสอบ หลังรับแจ้งจึงไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ปัดสำราญ ผกก.สภ.ชนบท และประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 ขอนแก่น พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลชนบท และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ตายคือนายบุญเสริม อายุ 43 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีม่วงแขนยาว กางเกงขาสั้นสีแดง ไม่ได้สวมรองเท้านอนตะแคง เสียชีวิต อยู่ในทุ่งนาทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ไม่ทราบขนาดเข้าที่ที่ศีรษะ 1 นัด และที่กลางหน้าอก 1 นัด และห่างจากศพเล็กน้อยพบไม้ทรงกระบอกยาวประมาณกว่า 1 เมตรอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะทำการบันทึกภาพและเก็บหลักฐานทั้งหมดส่งตรวจทางหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อสืบสวนหาผู้ก่อเหตุตามขั้นตอน

นายคำตา อายุ 76 ปี บิดาของผู้ตาย เดินทางมาดูศพลูกชายในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ลูกชายเคยมีภรรยา แต่เลิกกันนานแล้ว ภรรยากลับไปอยู่บ้าน ส่วนบุตรสาวทำงานที่พัทยา ลูกชายจึงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ โดยยึดอาชีพ รับจ้างทั่วไป และมักจะไปกับทีม รับเจาะน้ำบาดาล ก่อนจะกลายเป็นศพ ลูกชายนอนอยู่ที่ที่นากับแม่  ทราบจากญาติว่า ช่วงหัวค่ำวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ขณะลูกชายเดินไปเล่นกับญาติที่กระท่อมนา ใกล้ๆกัน ก็มีเพื่อนขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบสี ยี่ห้อ ขับไปถึงนาญาติแล้วปิดไฟหน้ารถเข้าไปรับลูกชายออกมา แล้วคืนนั้นลูกชายก็ไม่กลับมานอนกับแม่ พ่อแม่เห็นหน้าลูกอีกครั้งก็ตอนที่ลูกเป็นศพในทุ่งนาแล้ว โดยส่วนตัวลูกชายไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่เคยบ่นหรืออาฆาตแค้นใคร จึงไม่ทราบสาเหตุที่ลูกชายถูกฆ่า ส่วนความสงสัยนั้น ก็สงสัยคนที่มารับลูกชายไป ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะหลังจากรับลูกชายไป ลูกชายก็ถูกยิงตาย จึงอยากให้ตำรวจสืบบสวนจับกุมคนร้ายที่ยิงลูกชายมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ด้วย

ด้านนางฉวีวรรณ อายุ 60 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ตายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตอนเห็นศพ คนตายตอนหมอชันสูจน์พลิกศพ เห็นว่าศพคนตายมีแผลที่ศรีษะกลางหน้าผาก และ บริเวณใต้ราวนมซ้ายลูกกระค้างอยู่ที่หลัง ไม่ทะลุออกไปจากตัวของผู้ตาย และเจ้าหน้าที่ยังสามารถเก็บลูกปืนได้อีก 3 ลูก เป็นลูกปืนที่ยิงไม่ออก โดยเจ้าหน้าที่เป็นผู้เก็บได้ โดยเท่าที่ได้ยินเป็นลูกปืน .38 หรืออะไรสักอย่างตนเองก็ไม่แน่ใจ ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่ เพียงเข้าไปดูเฉยๆ ส่วนคนที่เห็นเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้ามี่รับไปสอบปากคำที่โรงพักแล้วยังไม่กลับมา

ทั้งนี้ตนเองรู้เรื่องเนื่องจาก ตนเองเป็นญาติกัน และแม่ของผู้ตาย มาถามหาลูกชาย ว่าไป กับเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทำไมถึงยังไม่กลับมาสักที โทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย ตนเองจึงปลอบใจไปว่าเขาเป็นเพื่อนรักกันเดี๋ยวเขาก็มาส่งกันเองนั่นแหละ ไม่ต้องตกใจอะไร ปกติเขาก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก จากนั้นก็แยกย้ายกันไป กระทั่งช่วงสายของวันนี้ มีคนโทรมาบอกว่า ยุทธตายแล้ว ตนเองก็ยังรู้สึกตกใจ จึงรีบมาด่วนอย่างที่เกิดเหตุที่พบศพ โดยตอนที่มาพบได้ยินแพทย์บอกว่าผู้ตายตายมาแล้ว 12 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่ใช่เสียชีวิตในช่วงเช้า โดยตอนที่มาถึง ก็พบตำรวจและ หมอ อยู่ที่เกิดเหตุแล้ว ไม่อนุญาตให้เข้าไปใกล้มาก ทั้งนี้คนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรับไปสอบปากคำ บอกตนเองอยู่ว่ารู้จักกับคนที่มารับคนตายออกจากบ้าน กำลังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่อยู่ ซึ่ง คนที่ มา รับ เป็นคนที่ เป็นเพื่อนกันกับผู้ตาย เคยช่วยทำงานด้วยกัน เอาข้าวขึ้นเล้า และทำกิจกรรมร่วมกันมาโดยตลอด เวลามีการมีงานก็จะมาช่วยกันตลอด ตอนยายมาถามหาลูกชายจึงบอกไปว่าเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วไปด้วยกันบ่อยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ด้าน พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ปัดสำราญ ผกก.สภ.ชนบท เผยกับผู้สื่อข่าวว่า มีชาวบ้านที่ไปเลี้ยงควายอยู่ในทุ่งนา มาพบศพชายดังกล่าว จึงแจ้งทางตำรวจ สภ.ชนบทเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจบริเวณโดยรอบจุดที่พบศพนั้น พบว่ามีบ้านของชาวบ้าน ที่สร้างอยู่ในทุ่งนา ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม.และห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 20 เมตร

ใต้ถุนบ้านมีแคร่ไม้ไผ่ วางอยู่ ที่แคร่ไม้ไผ่มีรอยเลือดจำนวนมาก และจากแคร่ไม้ไผ่ไปจนถึงจุดที่พบศพคนตาย ก็มีหยดเลือดเป็นระยะๆ จึงเชื่อว่า คนร้ายน่าจะมี 1-2 คน และเป็นคนที่สนิทกับคนตาย นัดพูดคุยกันใต้ถุนบ้านหลังดังกล่าว  และอาจจะขัดแย้งกัน คนร้ายจึงยิง แต่นายบุญเสริมยังไม่สิ้นใจ น่าจะวิ่งจากใต้ถุนบ้าน หนีไปกลางทุ่งนาแล้วสิ้นใจ แล้วร่างก็ไถลลงไปข้างคันนาจนกระทั่งมีชาวบ้านมาเลี้ยงวัวพบเห็นดังกล่าว จากการชันสูตรของแพทย์ในเบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง

ในส่วนของผู้ต้องสงสัยนั้น เบื้องต้นก็สงสัยชายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับออกจากที่นาของญาติ ซึ่งทราบว่าเป็นคนที่รู้จักกับนายบุญเสริม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาเบาะแสของชายรายดังกล่าว  เพื่อเชิญตัวมาสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับการตายของนายบุญเสริมหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง