พนักงานเบลบอย ร้องทุกข์ ถูกชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างตัวเป็นตำรวจ แต่ไม่แสดงบัตรประจำตัว เข้าจับกุม แล้วกล่าวหา ว่าเป็นโจรขโมยรถจยย. โดยที่ไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ และพยายามบังคับให้รับสารภาพ
วันที่ 11 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายปันเทพ โชติการ พนักงานยกกระเป๋าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ว่า มีชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างว่าเป็นตำรวจชุดสืบสวนและพยายามบังคับตนให้ไปโรงพักซึ่งกล่าวหาว่า ตนไปขโมยรถจักรยานยนต์บ้าง รับซื้อของโจรบ้าง มีการพูดข่มขู่บ้าง ด่าพ่อล่อแม่และมีการกักตัวเป็นเวลาเกือบ 4 ชม. เพื่อไม่ให้ตนไปทำงาน หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ซี่งผ่านมาแล้วเกือบ 2 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ไม่มีการเรียกสอบปากคำ เหตุเกิดใกล้ป้อมยามหน้าโรงแรมชื่อดัง ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหน้าโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ก็ได้พบกับ นายปันเทพ อายุ 43 ปี พนักงานเบลบอย หรือ พนักงานยกกระเป๋า ก่อนจะพาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบตรงจุดเกิดเหตุ ก่อนจะมอบหลักฐานคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิด และคลิปวิดีโอซึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถาม นายปันเทพ ได้เล่าว่า ช่วงเวลา 17.00 น. ซึ่งตนกำลังเข้างาน และหลังตอกบัตรตนได้ออกมานั่งรอรับแขกเข้าโรงแรมตามปกติ ต่อมาได้เดินมาที่ป้อมยาม เพื่อกินแฟก็ได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน เดินเข้ามาหาตนและบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ แต่ไม่มีการแสดงบัตรประจำตัวแต่อย่างใด ก่อนพยายามควบคุมตนไปโรงพักให้ได้ตนจึงได้ขัดขืนและไม่ไป จากนั้นชายฉกรรจ์ 1 ใน 2 ได้โทรตามเพื่อนมาอีก 2 คน ก่อนจะกล่าวหาว่าตน เป็นโจรและได้ขโมยรถจักรยานยนต์มาจากอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เอาไปตั้งจำนำไว้ พอฟังจบตนถึงกับงง ว่าตนไปขโมยรถตอนไหน ตนจึงได้โต้เถียงกลับไปว่า ตนไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ขโมยรถ
จากนั้นตนก็ได้ถามกลับไป ว่า เป็นรถอะไร สีอะไร เหตุเกิดที่ไหน แล้วไหนเอกสารหลักฐานว่าตนขโมยมา ไหนเจ้าของรถไปพามาชี้ตัวเลย หลังโต้เถียงกันไปมาตนได้เหลือบไปเห็นที่เอวมีการพกปืนมาด้วยทำให้ตนเกิดอาการหวาดกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ตนก็ยังยืนยันคำเดิมกลับไป ว่า ไม่รู้เรื่องและก็ไม่ได้ไปขโมยรถใครทั้งนั้น ก่อนที่ตนจะโดนกักตัวอยู่ที่ป้อมยามตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงค่ำประมาณเกือบ 3-4 ชม. ที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะเข้าไปทำงานก็ไปไม่ได้ ซึ่งชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน พยายามบังคับตนและกล่าวหาให้ตนรับสารภาพให้ได้ ก่อนจะพูดตะโกนเสียงดังให้ชาวบ้านที่ขี่รถผ่านไปมาได้ยิน ว่า คนนี้เป็นโจรขโมยรถจักรยานยนต์มา อีกทั้งยังมีการใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าพ่อล่อแม่ของตนอีกด้วยทำให้ตนเวลานั้นเกิดความอับอายเป็นอย่างมาก
ต่อมาผู้จัดการโรงแรมคิดว่าเป็นเพื่อนของตนมาหา แต่พอเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง ผู้จัดการได้เดินมาและพูดว่า มีอะไรกันคะ แล้วก็ชายฉกรรจ์ 1 ใน 4 ก็ตอบว่า ขอควบคุมชายคนนี้ไว้ก่อนเค้าเป็นโจร ซึ่งได้ขโมยรถจักรยานยนต์มา จากนั้นผู้จัดการก็เดินกลับเข้าไปในโรงแรมและได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้เข้ามาตรวจสอบ เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมาถึงที่เกิดเหตุและชายฉกรรจ์ 1 ใน 4 ก็เดินเข้าไปคุยกับสายตรวจว่า ไม่มีอะไรแค่มาตามจับคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์เท่านั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจอีกคนจะเดินมาสอบถามตนว่าเกิดเหตุอะไร ตนจึงได้บอกว่า ชายทั้ง 4 คน อ้างเป็นตำรวจและไม่มีการแสดงบัตรประจำตัว และไม่มีเอกสารหลักฐานที่กล่าวหาว่าตนไปขโมยรถมา ซึ่งยืนโต้เถียงกันไปมาตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมาจนถึงค่ำเวลานี้ หลังตนอธิบายเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเสร็จจนเข้าใจ สายตรวจก็ได้แจ้งชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน ว่า ควบคุมตัวไปไม่ได้นะ เพราะไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคลว่าคนนี้ได้ขโมยรถไป ซึ่งมาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง หลังสายตรวจได้พูดคุยเจรจากับชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน แล้วเสร็จ ก่อนจะมีการแยกย้ายส่วนตนก็ได้รีบเดินเข้าไปทำงานต่อ
หลังเลิกงานตนจึงได้เดินทางเข้าความแจ้งความแล้วที่ สภ.เมืองสงขลา จนถึงตอนนี้ยังไม่มีตำรวจเรียกตนไปสอบปากคำและมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ อยากจะฝากสื่อช่วยเป็นสื่อกลางช่วยตรวจสอบชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ตนกลัวมาก ไม่รู้ใครมาจากไหนและยังกล่าวหาว่าตนไปขโมยรถมา ซึ่งตนไม่รู้เรื่องและยังงงมาก ว่าไปขโมยรถตอนไหน แต่ถ้าหากเป็นตำรวจจริงและมาแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย เพราะไม่มีการแสดงบัตรประจำตัวอะไรเลย แม้กระทั้งเอกสารหลักฐานที่ยืนยันว่า ตนไปขโมยรถจริงก็ยังไม่มีมาแสดงให้ดูและที่สำคัญมีการด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย พ่อล่อแม่ตนอีกและตอนนี้ตนก็อับอายเพื่อนๆที่ทำงานต่างมองตนเป็นโจรขโมยรถไปแล้วจริงๆ ถ้าหากเป็นตำรวจจริงๆก็อยากให้ทั้ง 4 นาย ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย