“นายกฯ” ประกาศลั่น 2568 “ล้างหนี้ประชาชน-บ้านเพื่อคนไทย-ทุนการศึกษา-รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-ดิจิทัลวอลเล็ต” มาแน่!
วันนี้ (12 ธ.ค.67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยกทีมรัฐบาลแถลงผลงานครบ 90 วัน ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรม และ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ภายใต้แคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง : 2025 Empowering Thais: A Real Possibility” นอกจากนโยบายเก่าที่เดินหน้าในช่วงปรับตัว ยังต้องแก้ปัญหาภัยพิบัติ รับมือน้ำท่วมใหญ่ ดูแลเยียวยาแล้ว นายกรัฐมนตรี ได้เปิดนโยบายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ที่น่าสนใจ ดังนี้
นโยบาย ‘หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน’ หรือ ODOS กลับมาอีกครั้ง โดยใช้งบประมาณจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งมีโครงการที่เปิดโอกาสให้เด็กไทยได้ไปฝึกภาษาที่ต่างประเทศเป็นเวลาสั้นๆ ในโครงการ ‘1 อำเภอ 1 ซัมเมอร์แคมป์’ และโครงการอัพเกรดโรงเรียนประจำอำเภอ ทำให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ เติมครู เติมเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา และ AI ให้เด็กๆ ในทุกอำเภอ
โครงการ SML ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่จะกระจายโอกาสและเงินลงไปในทุกหมู่บ้าน พร้อมกับกองทุนเพื่อฟื้นฟู SME ซึ่งเป็นฐานรากของเศรษฐกิจไทยอีกกว่า 5,000 ล้านบาท
โครงการ ‘บ้านเพื่อคนไทย’ (Public Housing) คอนโดคุณภาพดีพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร ผ่อนเดือนละประมาณ 4,000 บาท เป็นเวลาประมาณ 30 ปี และให้สิทธิอยู่อาศัย 99 ปี ที่จะเป็นความหวังของคนไทยที่อยากมีบ้าน
โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 โดยเงินสดจะถึงมือผู้สูงอายุประมาณ 4 ล้านคน ไม่เกินตรุษจีน นี้ ส่วนระยะที่ 3 สำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง พร้อมกับยกระดับประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล
แก้หนี้ครัวเรือน เน้นที่หนี้ “รถยนต์” และ “บ้าน” โดยธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคาร ตกลงที่จะลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูลง 0.23% ซึ่งเป็นเงินกว่า 39,000 ล้านบาทต่อปี และ ธนาคารพาณิชย์ จะเติมให้อีก 39,000 ล้านบาท รวมกันเป็น 78,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพักดอกเบี้ย 3 ปี ให้ลูกหนี้จ่ายคืนเงินต้นได้เต็มจำนวน โดยจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2568 พร้อมมาตรการประนอมหนี้แบบพิเศษที่จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด สำหรับลูกหนี้มูลหนี้ต่ำกว่า 5,000 บาท
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ฝากถึงคณะรัฐมนตรี และ ข้าราชการทุกคน ขอให้ยึดคติในใจว่า หลังจากนี้จะเป็นปีแห่งการสร้าง ‘People Empowerment’ เพิ่มอำนาจประชาชน ลดอำนาจเรา หรือการลดและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ