ตำรวจไซเบอร์ เร่งสอบเส้นทางเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวง ชาล็อต ออสติน สูญเงิน 4 ล้านบาท เผยเหตุผลโอนเงินให้คนร้าย กังวลคนรอบข้าง-ต้นสังกัดเสียชื่อเสียง
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ ชาล็อต ออสติน อดีตรองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ถูกแก๊งมิจฉาชีพ หลอกสูญเงิน 4 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ (12 ธ.ค.67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. ให้สัมภาษณ์ว่า พนักงานสอบสวนทราบตัวบุคคลที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์และวิดีโอไปคุยกับ น.ส.ชาล็อตแล้ว โดยจะติดตามตัวมาสอบถามรายละเอียดและตรวจสอบในมิติอื่นว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือถูกนำรูปไปแอบอ้างหรือไม่ เพราะจากการสังเกตในวิดีโอจะเห็นได้ว่าลักษณะการพูดคุยกับคำพูดไม่สอดคล้องกับปาก ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นการใช้ AI ทำหรือไม่ ส่วนพื้นที่ที่โทรเข้ามาตรวจสอบแล้วอยู่นอกประเทศ ขบวนการที่มาหลอกลวงนั้นยังไม่ทราบว่าเคยไปหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นอีกหรือไม่ เนื่องจากยังไม่พบข้อมูลในระบบ
ส่วนบัญชีม้าที่รับโอนเงินขณะนี้ทราบแล้วว่าปลายทางอยู่ที่ไหนและเงินออกนอกระบบธนาคารไปเส้นทางใด คาดว่าจะมีความคืบหน้าในการดำเนินคดีเร็ว ๆ นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ น.ส.ชาล็อต ตัดสินใจโอนเงินจำนวน 4 ล้านบาท เพราะกังวลว่าในอดีตเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ที่เป็นคดีความอยู่ในขณะนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า จากการตรวจเช็กข้อมูลที่ สน.สุทธิสาร ได้สอบปากคำ น.ส.ชาล็อต เชื่อว่าแรงจูงใจที่ผู้เสียหายโอนเงินไปนั้น เพราะเกิดจากความกังวลเรื่องชื่อเสียงของคนรอบตัวและองค์กรต้นสังกัด ซึ่งอาจจะถูกคนร้ายนำบัญชีไปใช้ฟอกเงิน และอาจเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทต้นสังกัด
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า เมื่อเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ต้องมีสติให้ไว และรีบเช็กหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชี รวมถึงตัวตนของเจ้าหน้าที่ เพราะการพูดคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเวลานานจะทำให้การตัดสินใจของเราผิดเพี้ยนไป สิ่งสำคัญที่สุดหากมิจฉาชีพมาลักษณะนี้ให้สันนิษฐานไว้ว่า การอายัดเงินไม่สามารถทำได้โดยทันที และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจที่จะอายัดเงินและดำเนินคดีได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่การอายัดเงิน เป็นการอายัดเพื่อป้องกันประชาชนถูกหลอกลวงโดยระบบของศูนย์รับแจ้งเหตุ AOC ที่มีการทำงานร่วมกันกับสมาคมธนาคาร เพื่อลดความสูญเสียจากเหตุอาชญากรรมออนไลน์
“การวิดีโอคอลไปหาเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีกระบวนการเหล่านี้ พร้อมกับหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขอให้ประชาชนรีบประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที”
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังเปิดเผยว่า ตัวเองยังเคยถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก หลังจากที่ตนทำบัตรประชาชนหาย ยอมรับว่าตอนนั้นหลวมตัวคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปนานกว่า 5 นาที กลัวว่าจะมีคนนำบัตรประชาชนไปใช้แอบอ้าง แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นตำรวจจึงให้ธนาคารดึงตัวคนที่เปิดบัญชีไว้ แต่คนร้ายบ่ายเบี่ยงไม่ทำให้ จึงเชื่อว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธนาคารตัวจริง ก่อนที่คนร้ายจะตัดสายทิ้งไปโทรกลับไปก็โทรไม่ติด ถ้าหากว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไป อาจจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้
