ผวาอิทธิเบอร์ 1 เมีย สจ.โต้ง ขอคุ้มครองพยาน

ผวาอิทธิเบอร์ 1 เมีย สจ.โต้ง ขอคุ้มครองพยาน

View icon 254
วันที่ 13 ธ.ค. 2567 | 16.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
โร่ร้องกองปราบ เมีย สจ.โต้ง ผวาอิทธิพลเบอร์ 1 ขอโอนสำนวนคดี เชื่อมีผู้ร่วมก่อเหตุ 9 คน วอนคุ้มครองพยานหวั่นไม่ปลอดภัย อัจฉริยะ ลั่น ! หากไม่สั่งแล้วใครจะกล้ายิง

วันที่ 13 ธ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี หรือ สจ.จอย ภรรยาของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทนายนิติศักดิ์ มีกรวด เข้ายื่นหนังสือขอโอนสำนวนคดีการตายของสจ.โต้ง มาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

ทนายนิติศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับการประสานจากภรรยาสจ.โต้ง เพื่อมายื่นหนังสือถึงพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ร้องขอให้ทำการโอนย้ายสำนวนคดีจากสภ.เมืองปราจีนบุรี มาที่บก.ป. เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคดีดังกล่าวผู้เสียชีวิตถูกยิงถึง 22 นัด และโดนจุดสำคัญทั้งหมด อีกทั้งยังมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง จึงเกรงว่าตำรวจจะถูกแทรกแซง เบื้องต้นสจ.จอย พอใจการทำงานของตำรวจที่สามารถจับผู้ต้องหาได้ในทันที และฝากขังศาลจังหวัดปราจีนบุรี แต่ว่าอยากให้โอนคดี เพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่หากอีกฝั่งบริสุทธิ์จริง คู่กรณีก็ต้องได้รับความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย คลิปเสียง ก็ให้นำพิสูจน์ที่บก.ป.

ด้านนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนมาในฐานะเป็นคนสนิทของสจ.โต้ง ยืนยันว่าจะไม่ให้สจ.โต้งตายฟรีแน่นอน โดยจะมีการตั้งทีมทนายความ 2 ชุดมาดำเนินการ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่ามีคนที่อยู่ในบ้านมากกว่า 7 คนที่ถูกจับ คือลูกเขยและหลานชายของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี โดยลูกเขยทำหน้าที่ใช้ปืนจี้ข่มขู่ลูกน้องของสจ.โต้งซึ่งเป็นตำรวจ ขณะที่เข้าไปช่วยเหลือหลังสจ.โต้งเสียชีวิต ส่วนหลานชายทำหน้าที่ล็อกประตู ไม่ให้ลูกน้องสจ.โต้ง เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่ง 2 คนนี้จะอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร และตำรวจยังไม่เคยสอบปากคำทั้ง2 คน จึงมองว่าถ้าหากให้สภ.เมืองปราจีนบุรีดำเนินการอยู่ จะไม่ได้รับความเป็นธรรม

และกังวลว่า สจ.จอยกำลังต่อสู้กับผู้ที่มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของประเทศ เป็นที่รู้กันในวงการนักเลงและนักการเมือง โดยกลุ่มนักการเมืองนี้สามารถแทรกแซงการทำงานของตำรวจในพื้นที่ได้ และตำรวจที่จะมาทำงานที่จังหวัดปราจีนบุรี ก็ต้องผ่านนักการเมืองกลุ่มนี้ ตนมองว่าอำนาจที่อยู่ในนักการเมืองท้องถิ่นถือว่ายิ่งใหญ่ และมีอิทธิพลค่อนข้างสูง หากสำนวนมาอยู่ที่ตำรวจสอบสวนกลาง เรื่องนี้จะได้รับความยุติธรรมมากกว่า นอกจากนี้ยังอยากร้องขอให้คุ้มครองพยาน ทั้งสจ.จอยและลูกชาย รวมถึงพยานที่จะนำมาให้ตำรวจบก.ป. เป็นผู้สอบปากคำเท่านั้น

ด้าน สจ.จอย ยอมรับว่า กังวลและเป็นห่วงลูก และต้องการให้บก.ป. เป็นผู้รับผิดชอบคดี เพราะรู้ว่าในจังหวัดปราจีนบุรีตนไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อถามว่ามีการบงการหรือไม่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สจ.จอย กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่การที่ สจ.โต้งเข้าไปคนเดียว ไปด้วยความไว้ใจ แต่กลับโดนยิงเข้าหน้า เข้าหัว ใครเป็นคนทำ มันโหดร้ายเกินไป ยิงแบบที่สจ.โต้งไม่มีทางต่อสู้ได้ ซึ่งปกติสจ.โต้ง ก็ไม่เคยพกอาวุธหรือลูกน้องเข้าไป เพราะคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย และไว้ใจ

นายอัจฉริยะ ได้พูดเสริมอีกว่า สิ่งที่ตำรวจพูดว่า สจ.โต้งขึ้นไปข้างบนแล้วถูกยิงลงมา ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะสจ.โต้งแค่ก้าวบันไดเพียงขั้น 2 ก็ถูกยิงจากด้านหน้า และมีการยิงซ้ำอีกหลายครั้งหลังตายไปแล้ว  ซึ่งสจ.โต้งยังขึ้นไปไม่ถึงห้องนอนเลย

ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่หลุดมานั้น เป็นเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ก่อนที่สจ.โต้งจะก้มกราบเท้า ซึ่งเป็นการคุยต่อหน้า แต่คลิปเสียงที่มีการอัดมานั้น สจ.โต้ง ได้โทรไลน์หาบุคคลหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ไว้ใจมาก จึงได้บันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังอีกมีหลายคลิปและมีพยานอีกเยอะที่อยากให้สอบปากคำ โดยที่ผ่านมาทุกคนก็ห้ามไม่ให้สจ.โต้งเข้าไป เพราะรู้อยู่แล้วเข้าไปจะโดนอะไร ถามต่อว่าการตายของ สจ.โต้ง เป็นการสั่งเก็บหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า หากไม่สั่งแล้วใครจะกล้ายิง เมื่อถามว่าหากสจ.จอย เจอนายสุนทรอยากจะพูดอะไรหรือไม่ สจ.จอย กล่าวว่า ไม่อยากพูด ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า