เจาะประเด็นข่าว 7HD - มีกระแสข่าวอยู่ว่า เพราะเป็นคดีของคนดังหรือเปล่า ตำรวจถึงทำงานไว จับบัญชีม้าได้แล้ว วันนี้ก็มีการแถลงความคืบหน้า และไขข้อข้องใจนี้ ที่สำคัญเครือข่ายที่หลอก "ชาล็อต" ไม่ใช่เล็ก ๆ แต่ยังเชื่อมโยงอีกเป็นร้อยคดี
โดยในตอนที่มีการแถลงข่าว รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ ก็ไล่เรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ชี้ให้เห็นว่า "ชาล็อต ออสติน" นางงามมิสแกรนด์ ไม่ใช่ผู้เสียหายรายเดียวที่ถูกหลอกจากแก๊งนี้ พร้อมกับยกตัวอย่างว่ายังมี หญิงที่เคยประกวดนางงามจักรวาล ถูกหลอกโอนเงินกว่า 3 ล้านบาท เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
รวมถึงคดีของ "ย่า-หลาน" จังหวัดอุดรธานี ที่สูญเงินกว่า 3 ล้านบาท ที่เราเพิ่งนำเสนอข่าวไป ก็เชื่อมโยงกับคดีนี้ด้วยเหมือนกัน
ข้อมูลสำคัญที่ได้จากการสอบสวน "นางสาวปาริฉัตร" บัญชีม้าแถวแรก ช่วยให้เข้าใจได้ว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ทุกวันนี้เขาจะเริ่มจาก การสั่งให้คนที่รับจ้างเปิดบัญชี ต้องเดินทางข้ามช่องทางธรรมชาติ
ไปที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ จากนั้นก็จะไปอยู่ที่ชั้น ๆ หนึ่ง ซึ่งปิดม่านทึบ มีคนไทยอยู่ในนั้น 15-20 คน รอเวลาที่แก๊งฯ หลอกเหยื่อสำเร็จก็จะมาตามให้ "บัญชีม้า" ไปสแกนใบหน้า แล้วค่อยให้เดินทางกลับ เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง
ข้อมูลสำคัญยังพบอีกว่า เครือข่ายนี้มีนายทุนเป็นชาวจีน เห็นคนจีน 3-4 คน คอยควบคุมสั่งการ และในแต่ละชั้นจะแยกการทำงานค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ทำหน้าที่หลอกเป็นตำรวจ, DSI หรือ ปปง.จะอยู่ในชั้นใดชั้นหนึ่ง แล้วชั้นนั้นก็จะเซ็ตฉากขึ้นมา เพื่อให้ดูเหมือนเป็นห้องทำงานของเจ้าหน้าที่
แต่เอาจริง ๆ แล้วก็ยังไม่แนบเนียนมาก เพราะมีฉากเดียว และคนที่แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ๆ ก็ยังไม่เหมือน อีกทั้งหมายศาลฯ ต่าง ๆ เวลาที่เอามาโชว์ ก็จะปนตราหน่วยงานมั่วไปหมด
จากการสอบสวน นางสาวปาริฉัตร ยังให้การรับสารภาพอีกว่า ตัวเองรับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร และถูกพาไปสแกนใบหน้าอย่างน้อยวันละ 1 รอบ โดยบัญชีที่ตัวเองเปิดมี 4 บัญชี ตรวจสอบพบมีการหลอกผู้เสียหายไปมากกว่า 100 ครั้ง
เบื้องต้นได้ดำเนินคดีไป 4 ข้อหา แต่ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ยอมรับแค่ข้อหา "เปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝากฯ" อ้างว่า สามีบอกมีงานพิเศษให้ทำคือ การเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้ โดยมีตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ซึ่งตัวเองไม่รู้ว่า การทำแบบนี้จะมีความผิดจึงตกลงรับงานไป
ส่วนประเด็นดรามาที่มีคนออกมาตั้งข้อสังเกตว่าเพราะ "ชาล็อต" เป็นคนดัง คดีเลยเดินหน้าเร็ว ตำรวจไซเบอร์ยืนยันว่าทำทุกคดี และแต่ละคดีก็มีความคืบหน้า เพียงแต่คดีของ "ชาล็อต" เป็นที่สนใจของประชาชน เลยมีสื่อมาสอบถามบ่อย จึงถูกจับตามองมากกว่า
นอกจากนี้ตำรวจยังฝากถึงเครือข่ายนี้ โดยเฉพาะบัญชีม้าว่าตำรวจไปขอศาลฯ ออกหมายจับไว้แล้วกว่า 400 หมาย และการดำเนินคดี ก็ไม่ได้มองว่าผู้ต้องหาเป็นแค่บัญชีม้า เพราะทุกคนล้วนแต่เคยข้ามไปให้แก๊งฯ สแกนใบหน้าเพื่อโอนเงิน ดังนั้นต้องถือเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ