ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง “ชาล็อต ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท รวบบัญชีม้าแถวแรก พบรับจ้างข้ามแดนไปสแกนหน้าฝั่งเขมร และเชื่อมโยงผู้เสียหายอีกหลายคดี
วันที่ 15 ธ.ค.67 พล.ต.ทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วยผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลง แถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สืบเนื่องจาก น.ส.ชาล็อต ออสติน เข้าแจ้งความว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยมีคนร้ายอ้างเป็น DS โทรไปหาผู้เสียหาย อ้างว่าพบชื่อผู้เสียหาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และโอนสายให้คุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ สูญเงิน 4 ล้านบาท
ต่อมาพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, มอบหมายให้ตำรวจไซเบอร์ ทำการสืบสวนรวบรวมหลักฐาน ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ กระทั่งสามารถจับกุม นางสาวปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี เจ้าของบัญชี ฐาน ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ โดยจับกุมตัวได้ที่ ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ยอมรับว่า เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ” โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา สามีของผู้ต้องหาได้บอกว่ามีงานพิเศษให้ทำ คือการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้ โดยมีตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท โดยที่ไม่ทราบมาก่อนว่าการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารนั้นมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งตนและสามีจึงตกลงรับงานและแยกย้ายกันไปเปิดบัญชี ต่อมาผู้ที่จ้างเปิดบัญชีได้เดินทางมารับตนกับสามี พาไปสแกนหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยผ่านเส้นทางธรรมชาติ ต้องข้ามลำน้ำขนาดเล็ก
ด้านตำรวจ เผย คดีนี้เชื่อมโยงกับคดีหลอกหญิงที่เคยประกวดนางงามจักรวาล ถูกหลอกโอนเงินกว่า 3 ล้านบาท เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงคดีของ "ย่า-หลาน" ที่จังหวัดอุดรธานี สูญเงินกว่า 3 ล้านบาท และอีกหลายคดี เบื้องต้นผู้ต้องหา เป็นบัญชีม้าแถวแรก สอบสวนยอมรับว่า ได้เปิดบัญชีธนาคาร 5 บัญชี และได้เดินทางไปสแกนใบหน้าที่อาคารแก๊งคอลเซนเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มาแล้วหลายครั้ง ยืนยันว่าตำรวจได้ออกหมายจับบัญชีม้าเครือข่ายนี้ไว้กว่า 400 หมาย เตรียมขยายผลดำเนินคดีนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลัง