ชาวบ้านระทม น้ำลด ทุกข์ไม่ลด

เช้านี้ที่หมอชิต - เรายังเกาะติดเรื่องน้ำท่วมจังหวัดพื้นที่ทางภาคใต้ ตอนนี้หลายพื้นที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว เพราะไม่มีฝนตกซ้ำ แต่ยังคงบางพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงเพราะเป็นพื้นที่ต่ำ อย่างในเขตอำเภอเมืองชุมพร พื้นที่แก้มลิง เจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลือคุณยายคนหนึ่งที่ไม่ยอมทิ้งบ้านไปไหน เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้าน

ชาวบ้านระทม น้ำลด ทุกข์ไม่ลด
เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือยายคนหนึ่ง อายุ 85 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลบางลึก กับหลานสาวที่ติดอยู่ในบ้านพัก การช่วยเหลือเป็นไปอย่างลำบาก เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูง ก่อนนำตัวขึ้นเรือมาพักรักษาตัวที่ศูนย์พักพิงอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังช่วยเหลือ ยายบุญโชติ ศรีเผด็จ อายุ 87 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ตำบลบางลึก เช่นเดียวกัน โดยคุณยายพักอาศัยอยู่ชั้นสองของบ้านมาตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม เพียงลำพัง เพราะลูกหลานออกไปทำงานต่างจังหวัด และกินอาหารที่กักตุนไว้ แต่คุณยายขออยู่เฝ้าบ้านไม่ยอมไปไหน เพราะเป็นห่วงทรัพย์สินในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยเหลือทำความสะอาดบ้าน และมอบสิ่งของจำเป็นให้

ชาวบ้านทนทุกข์หลังน้ำลด บ้านพังเสียหาย
ส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช สภาพบ้านเรือนของชาวบ้าน บ้านห้วยแก้ว ตำบลเขาน้อย อำเภอสิชล ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายหลายหลังคาเรือน บางหลังคาเรือนเสียหายหนักจนไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ ส่วนทรัพย์สินในบ้านสูญหายไปกับกระแสน้ำถนนหลายเส้นถูกตัดขาด การเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายชุมชน ตำบลเขาน้อยยังขาดแคลนอาหารและของใช้จำเป็น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าถึงพื้นที่ได้ อาจต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการลำเลียงสิ่งของให้การช่วยเหลือชาวบ้าน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังวางแผนให้การช่วยเหลือต่อไป

ความเสียหาย น้ำป่าหลากถล่ม ต.กรุงชิง
ทีมข่าว 7HD ได้พยายามเดินทางไปสำรวจความเสียหายที่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงที่หลากท่วมพื้นที่ พบว่าความเสียหายจุดนี้กินวงกว้าง โดยที่หมู่ 6 ซึ่งมี "คลองกลาย" ไหลผ่าน ปรากฏว่า น้ำป่าได้หลากเข้าท่วมรีสอร์ต กระแสน้ำเชี่ยวพัดห้องพักที่อยู่ริมคลองพังเสียหายไปหลายหลัง รถยนต์ที่จอด 5 คัน ถูกกระแสน้ำพัดไปชนกับต้นไม้และบ้าน ส่วนรถจักรยานยนต์ 5 คัน ถูกน้ำพัดไปจมกองโคลนต้องช่วยกันขุดขึ้นมา

ชาวบ้านบอกว่าหลังสัญญาณเตือนภัยดังเตือนไม่นาน น้ำป่าจากเทือกเขาหลวง ก็หลากลงมาอย่างรุนแรง นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง ทำให้เคลื่อนทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ทัน ครั้งนี้รุนแรงกว่าปี 2553

ส่วนถนนที่เชื่อมระหว่างหมู่ที่ 8 กับหมู่ที่ 9 บางช่วงเสียหาย ถูกตัดขาด คอสะพานชำรุด เจ้าหน้าที่ได้นำดินมาถมให้ชาวบ้านใช้สัญจรได้แล้ว

ทหารช่วยโรงเรียน ยกของหนีน้ำท่วม
ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทหารจากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 25 ลงพื้นที่ ตำบลท่าสะท้อน และตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน ช่วยขนย้ายโต๊ะ นักเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน โรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม บ้านหนองจอก ไว้บนชั้น 2 รวมถึงช่วยขนย้ายข้าวของบ้านเรือนประชาชนกว่า 100 ครัวเรือน หลังน้ำในแม่น้ำตาปีเริ่มล้นตลิ่ง ท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำ บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร และระดับน้ำในแม่น้ำตาปียังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพราะได้รับมวลน้ำจากต้นน้ำตาปีในพื้นที่ตำบลทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากเทือกเขาหลวง

ขณะในพื้นที่ราบลุ่มริมชายฝั่งทะเล สถานการณ์ค่อยคลี่คลาย หลังฝนหยุดตกน้ำระบายลงทะเลได้อย่างต่อเนื่อง หากฝนไม่ตกซ้ำคาดว่าใน 1-3 วันน้ำจะลดระดับเข้าสู่ภาวะปกติ

สรุปสถานการณ์น้ำท่วม ช่วงวันที่ 14-17 ธันวาคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับกระทบ 17 อำเภอ รวม 99 ตำบล 722 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 53,888 คน เสียชีวิต จำนวน 7 คน และสูญหาย 1 คน

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัย

โดยนายอนุทิน ย้ำกับประชาชนว่า จะเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบภัยที่บ้านถูกน้ำท่วม โดยจะจ่ายเงิน 9,000 บาท ให้กับบ้านทุกหลัง

น้ำท่วมภาคใต้เสียหายพันล้านบาท
หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ประเมินความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ คาดเสียหายแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ปีนี้รุนแรงหนักกว่าปี 2563 นายประยูร เงินพรหม ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช คาดว่าความเสียหายน่าจะแตะระดับหลายพันล้านบาท และที่น่าเป็นห่วงมากคือ พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะทุเรียนนอกฤดู กำลังออกลูกได้รับความเสียหายมาก และคาดว่าจะยืนต้นตาย

ส่วนสาเหตุที่น้ำท่วมหนัก เพราะการเติบโตของเมืองอย่างไร้ทิศทาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่แก้มลิงที่เคยรับน้ำ ทำให้ครั้งนี้หลายพื้นที่ที่ไม่เคยถูกน้ำท่วมในเมืองก็ถูกท่วมหนัก เพราะน้ำไม่มีทางระบายออก ซึ่งปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นในทุกจังหวัด ซึ่งต้องหาแนวทางแก้ไขกันต่อไป