สิงคโปร์โมเดล? ดีอี เร่งแก้กฎหมายผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ-ธนาคาร ต้องร่วมรับผิดชอบ หาก ปชช.ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน มาตรการแรก เริ่ม 1 ม.ค.นี้ ส่ง SMS แนบลิงก์ไม่แจ้งสถานะผู้ส่ง สั่งระงับทันที
วันนี้ (19 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต และการช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังประเทศสิงคโปร์เตรียมบังคับใช้กฎหมายให้ธนาคารและค่ายโทรศัพท์มือถือ ร่วมรับผิดชอบหากลูกค้าถูกหลอกว่า ในไทยมีการดำเนินการในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยเป็นการแก้ไขพระราชกำหนด ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา
ทั้งนี้ในรายละเอียดการแก้ไข พ.ร.ก.ดังกล่าวมีหลายเรื่อง โดยมาตรการที่ 1 การมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ และโอเปอเรเตอร์ มาตรการที่ 2. คือ การจ่ายเงินคืน และมาตรการที่ 3 เพิ่มโทษผู้กระทำความผิด ส่วนรายละเอียดการคืนเงินให้กับผู้เสียหายอยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งยังไม่มีกำหนด และไม่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาฯ สามารถดำเนินการได้เลย และขณะนี้ตนก็เร่งรัดเรื่องนี้อยู่ โดยถ้าเราออกมาตรการไปแล้ว และหากโอเปอร์เรเตอร์รวมถึงธนาคาร ไม่ปฏิบัติตามทำให้เกิดความเสียหาย ต้องมีส่วนร่วมในเงินที่ประชาชนเสียไป
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีการพูดคุยกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ และธนาคารแล้ว ซึ่งเขาเห็นด้วยและเป็นมติของที่ประชุมว่า ต้องดำเนินการเพื่อตัดทุกช่องทางของมิจฉาชีพ
เมื่อถามว่ารายละเอียดจำนวนเงินที่จะคืนผู้เสียหายได้มีการกำหนดไว้อย่างไรในการแก้ไขร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าว นายประเสริฐ ระบุว่า การดำเนินการต้องเข้าสู่กระบวนการสืบทราบที่มาที่ไป หากบางรายสามารถติดตามคืนได้เร็วก็สามารถคืนได้ทันที แต่ถ้าทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่ง และเงินไปอยู่ในบัญชีของมิจฉาชีพ และดำเนินกานตรวจสอบที่มาที่ไปทางการเงินได้ ซึ่งอาจจะยากลำบาก อันนี้เป็นอีกกรณีหนึ่ง
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า วันที่ 1 ม.ค.68 จะมีอีก 1 มาตรการออกมาเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต คือการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์ต่าง ๆ ที่จะมีการแนบลิงก์เพื่อลงทะเบียน ผู้ส่งต้องแจ้งสถานะว่า เป็นใคร หากไม่พบข้อมูลผู้ส่งโอเปอเรเตอร์จะมีการระงับการส่งดังกล่าว
