สนามข่าว 7 สี - ลูกสาว ร้องสายไหมต้องรอด สงสัยว่าแม่ และยาย น่าจะถูกวางยาคาดเป็น "ไซยาไนซ์" หลังจากที่หญิงต้องสงสัยรายนี้ตีสนิทขอกู้ยืมเงินแม่ และยายหลายครั้ง
ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พา นางยุภาภรณ์ อายุ 30 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต และ นางช่วย อายุ 84 ปี ผู้เป็นยาย เข้าพบ ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ขอให้ตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียด โดยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา "นางหญิง" มีศักดิ์เป็นลูกสะใภ้ของ คุณยายช่วย ได้ชักชวนให้คุณยายไปตัดผม นำน้ำอัดลมมาให้ดื่ม จากนั้นมีอาการหน้ามืด หมดสติ ถูกนำส่งโรงพยาบาล
ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า ขณะที่ยายนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ระหว่างนั้นวันที่ 14 พฤศจิกายน ผู้ต้องสงสัยคนเดียวกันนี้ได้ขับรถกระบะมาชวนแม่ ไปเยี่ยมยาย โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ จะเห็นว่าตอนนั้นแม่เดินเหินปกติ แต่ระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางกลับ ผู้ต้องสงสัยให้แม่ดื่มน้ำเปล่า จากนั้นแม่หมดสติไม่ทราบสาเหตุ ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 11 วัน ก่อนจะเสียชีวิต ทั้งที่แม่เป็นคนสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยใด ๆ
ส่วนยายเคราะห์ดีรอดตายมาได้ เชื่อเป็นเพราะดื่มน้ำเข้าไปไม่เยอะ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่แม่เสียชีวิต ญาติมองว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมายืมเงินยาย และแม่ จำนวนหลายหมื่นบาท เชื่อว่าต้องการล้างหนี้
นายเอกภพ เผยว่า สภาพศพของ นางสมหมาย ทางครอบครัวพบความผิดปกติ เล็บมือ เล็บเท้า มีลักษณะเขียวช้ำ ถึงแม้ไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ แต่มีประจักษ์พยานที่เห็นหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้ยื่นเอกสารขอชันสูตรพลิกศพแต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ต้องให้ตำรวจ เป็นคนยื่นเรื่อง ครอบครัวก็เลยไม่ได้ชันสูตรศพตามที่ตั้งใจไว้
นอกจากนี้ยังมีข้อมูล มีคนพบวัตถุยาบางอย่างอยู่ภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย และด้วยความกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงพา "นางช่วย" มาขอความช่วยเหลือ เรื่องนี้ นายเอกภพ บอกว่าอยู่ระหว่างประสานกระทรวงสาธารณสุข ให้ช่วยตรวจสอบผลการรักษาอย่างละเอียดทั้งของ นางช่วย และ นางสมหมาย
ด้าน ดร.ธนกฤต กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับมาลักษณะการเสียชีวิตคล้ายกับ "แอม ไซยาไนด์" แต่รอเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการถึงจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ โดยเรื่องนี้สงสัย 2 ส่วนคือ มีคนเสียชีวิต และสารที่พบทำให้เกิดการเสียชีวิตได้หรือไม่
นายเอกภพ ผู้ก่อเหตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกอีกว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยนั้น ขณะนี้ยังลอยนวล พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักใน ตำบลบางชัน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ทำให้คนในชุมชน รู้สึกหวาดกลัว เนื่องจากมีการใช้แทงค์น้ำเดียวกันทั้งหมู่บ้าน ซึ่งถ้าหากมีใครที่ไปกระทำการให้ผู้ต้องสงสัยไม่พอใจ อาจจะมีการกระทำในลักษณะนี้อีกหรือไม่ ซึ่ง นายเอกภพ มองว่า เหตุการณ์คล้ายกับคดีดังอย่าง "แอม ไซยาไนซ์" เนื่องจากพบยาบางอย่างอยู่ในบ้านของผู้ต้องสงสัย ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้ ตนและทีมงานจะลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ
เพื่อความเป็นธรรม ทีมข่าวไปที่บ้านอีเทพ ตำบลบางชัน อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ไปเจอกับ นางหญิง ที่ถูกปรักปรำ ยืนยืนเสียงหนักแน่นว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของ ป้าช่วย และกรณีการตายของ นางสาวสมหมาย
ซึ่งตามข้อมูลที่ออกมา บอกว่า ตนไปรับ นางสมหมาย พากันไปเยี่ยมป้าช่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วตนเอาน้ำให้ดื่มจนหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก็ไม่ใช่เรื่องจริง วันนั้น ไปถึงโรงพยาบาลช่วงบ่ายสอง นางสมหมาย หิวข้าว เป็นคนเดินไปซื้อราดหน้า และน้ำเปล่า 2 ขวดด้วยตัวเองจากร้านค้าในโรงอาหาร แล้วนำมานั่งกินด้วยกัน ตอนนั่งกิน นอกจาก นางหญิง ยังมีผู้หญิงอีกคน ร่วมนั่งกินอยู่ด้วย รวมนั่งกินทั้งหมด 3 คน
พอกินข้าวเสร็จ ถึงเวลาเยี่ยมไข้ได้พอดี ก็พากันเข้าไปเยี่ยมป้าช่วย ระหว่างนั้นได้ยิน นางสมหมาย ก็บ่นว่าเวียนหัว แน่นหน้าอก มีเหงื่อออกเต็มตัว พอเยี่ยมไข้เสร็จจะกลับบ้าน นางสมหมาย เป็นลมล้มต่อหน้า ยอมรับว่าตอนนั้นตกใจมาก แต่พยายามตั้งสติประคองตัว นางสมหมาย ขึ้นรถพาไปส่งโรงพยาบาล ทั้งที่ตนเป็นคนช่วยแท้ ๆ กลับถูกปรักปรำ กล่าวหาว่าตนเป็นคนวางยา ฆ่าล้างหนี้ นางสมหมาย ก็ใช่เรื่องจริง ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างหยิบยืมเงินกันใช้ ยอดยืมแค่หลักพันบาทเท่านั้นเอง
ทั้งนี้ยังได้เคลียร์ประเด็นสร้อยทองหนัก 3 บาท และเงินประมาณ 10,000 บาท ที่ติดตัว นางสมหมาย ได้สูญหายไประหว่างที่ตนพาไปส่งโรงพยาบาล ยืนยันตนไม่ได้เอาไป เพราะหลังจากพาตัวส่งถึงโรงพยาบาลแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่พอสามี นางสมหมาย มาถึงโรงพยาบาล เอาแต่โวยวายยกใหญ่ นางหญิงท้า ถ้าไม่เชื่อ ก็ให้พาตำรวจมาพิสูจน์ลายนิ้วมือของเธอได้เลย