รวบ "เจ๊แหม่ม บ้านออมทอง" หลอกชักชวนลงทุน

View icon 87
วันที่ 20 ธ.ค. 2567 | 16.46 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ตำรวจ สภ.บางปะอิน รวบเจ๊แหม่ม บ้านออมทอง หลอกผู้เสียหายลงทุนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้าน

รวบ "เจ๊แหม่ม บ้านออมทอง" หลอกชักชวนลงทุน
ตำรวจ สภ.บางปะอิน รวบเจ๊แหม่ม บ้านออมทอง หลอกผู้เสียหายลงทุนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้าน

กรณีที่มีผู้เสียหายรายหลาย เข้าแจ้งความที่ สภ.บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ให้เอาผิด นางสาวกนกรัตน์ดา อายุ 37 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กบ้านออมทอง เจ๊แหม่ม ที่เปิดให้ร่วมออมทองคำแท้ 96.5% ราคาต่ำกว่าราคาตลาด หากชักชวนคนอื่นมาลงทุนด้วยได้จะได้เงินเพิ่มอีกรายละ 500 บาท แต่เมื่อถึงเวลาที่ออมทองครบจำนวนแล้ว กลับไม่ได้รับทองคำ หรือเงินค่าตอบแทนตามที่สัญญาไว้ โดยเฉพาะพื้นที่ สภ.บางปะอินมีผู้มาแจ้งความแล้ว ความเสียหายราย 28 ล้านบาท และทั้งประเทศคาดว่าความเสียหายอยู่ที่ 300 ล้านบาท

กระทั่งเมื่อวานนี้ ตำรวจจับ นางสาวกนกรัตน์ดา ได้ คุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.บางปะอิน มีผู้เสียหายบางส่วนเดินทางมารอเจอหน้าที่ สภ.บางปะอินด้วย

นางสาวกนกรัตน์ดา ภัชราภรณ์ อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ตะโกนถามผู้ต้องหาขณะถูกคุมตัวไปสอบสวน ถามว่า "ไม่สงสารพี่บ้างเหรอทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าพี่นำเงินก้อนสุดท้ายทั้งชีวิตรวมถึงเงินประกันชีวิตและเงินฌาปนกิจศพของพ่อที่เสียชีวิตมาลงทุน งานศพของพ่อพี่เจ๊แหม่มยังไปเลย ทำไมทำกันได้ลงคอ" แต่ เจ๊แหม่ม ไม่ตอบ มีสีหน้าเรียบเฉย

ผู้เสียหาย เล่าว่า ทำงานที่เดียวกันกับผู้ต้องหา ผู้ต้องหาชวนให้ออมทอง เห็นมีคนร่วมออมทองหลายคน ดูโพรไฟล์น่าเชื่อถือ จึงลงทุนด้วย

ช่วงนั้นผู้ต้องหาเปิดรับออมทองราคาประมาณบาทละ 27,800 บาท หากนำไปขายก็จะได้กำไรประมาณ 4,000-5,000 บาท ประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2566 จึงเริ่มลงทุนครั้งแรก ออมทองเพียง 2-3 บาท และก็ได้ผลกำไรตอบแทนจริง

กระทั่งปลายปี 2566 เจ๊แหม่ม ก็หายไป โทรไปรับ ไลน์ไม่ตอบ หายไปดื้อ ๆ มีทองที่ออมไว้ 41 บาท จะขอปิดยอด แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

ผู้เสียหายเฉพาะคนในกลุ่มและที่ทำงานเดียวกัน ประมาณ 20 คน เกือบ 30 ล้านบาท ยังมีผู้เสียหายทั่วประเทศที่ถูกเจ๊แหม่มโกง เชื่อว่ารวมกันกว่า 300 ล้านบาท

ผู้เสียหายรายนี้บอกด้วยว่า เสียใจมาก คิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่คนในครอบครัวช่วยปลอบใจโดยเฉพาะสามีกับลูกที่ยังเล็ก หวังว่าตำรวจจับ เจ๊แหม่ม ได้แล้ว ก็น่าจะได้ทรัพย์สินคืนมาบ้าง เพราะรู้ว่า เจ๊แหม่ม นำเงินไปซื้อรถซื้อบ้านให้อดีตแฟนเก่า หากถูกยึดทรัพย์หรือสามารถนำมาขายทอดตลาด ก็หวังได้เงินคืนมาบ้าง

"เจ๊แหม่ม" เปิดใจ ไม่ได้โกง
ส่วน เจ๊แหม่ม มีสีหน้าเรียบเฉย บอกว่า ขอโทษผู้เสียหายทุกคน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากตอนนี้ไม่เหลือเงินสักบาท โดยอ้างว่านำเงินที่ได้มาจากการออมทองของลูกข่าย เอาไปหมุนและแบ่งจ่ายให้ลูกข่ายที่ออมทองและปิดยอดไปหมดแล้ว

แต่เนื่องจากเกิดปัญหาลูกค้าออมทองปิดยอดพร้อมกันช่วงปีใหม่ ทำให้หมุนเงินไม่ทันและไม่มีลูกข่ายมาลงทุนออมทองกับตนเองเพิ่ม

เจ๊แหม่ม อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกหรือโกงใคร  แต่ต้องการนำเงินที่ออมทองจากลูกข่าย มาต่อยอดหมุนเงินเท่านั้น

ล่าสุด เช้าวันนี้ ตำรวจคุมตัว เจ๊แหม่ม ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม เจ๊แหม่ม พูดเพียงสั้น ๆ ว่า "ขอโทษ"

ครอบครัว "เจ๊แหม่ม" มาเยี่ยม ไม่มีเงินประกัน
ขณะที่ครอบครัวของเจ๊แหม่ม มีเพียงแม่, พี่สาว, และพี่เขย ที่เดินทางมาเยี่ยมจากจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งแม่พอทราบข่าวถึงกับตกใจและจะเป็นลมที่ลูกถูกจับ บอกว่าไม่รู้ว่าลูกทำเรื่องแบบนี้เพราะไม่เคยเห็นตัวเงินและลูกก็ไม่เคยนำเงินมาให้ จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกจับ

พี่เขย บอกว่า พอจะทราบว่าผู้ต้องหาเปิดบ้านออมทอง แต่ทางครอบครัวไม่เคยได้เงินจากผู้ต้องหา เงินที่ให้ที่บ้านมีเพียงแต่เอาไปซ่อมแซมประตูบ้านเป็น 20,000-30,000 บาทเท่านั้น เคยเห็นผู้ต้องหาซื้อรถป้ายแดงราคา 1.7 ล้านบาท ให้แฟนหนุ่ม ซื้อบ้านเดี่ยวราคา 2 ล้าน เป็นชื่อแฟนหนุ่ม แต่ไม่ได้ซื้อเงินสด ยังผ่อนอยู่ในราคาเดือนละ 8,000 บาท

นอกจากนี้ก็เอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ซื้อมือถือ แท็บเล็ต กระทั่งระบบการเงินล่มสลาย หมุนเงินไม่ทัน แฟนหนุ่มก็พาหนีไปอยู่บ้านญาติที่ระยอง

จากนั้นก็ขายทรัพย์สินติดตัว แล้วกลับมาหางานทำในเขตนวนคร กระทั่งถูกจับ ครอบครัวคงไม่ยื่นประกันตัวเพราะยากจน คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ตำรวจ บอกว่า คดีนี้คล้ายกับแชร์ลูกโซ่ หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อซื้อทองราคาถูก และนำไปขายได้กำไรเยอะ ๆ ซึ่งไม่มีอยู่จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง