กระทรวงการคลังแจ้งเตือนประชาชนกลุ่มตกหล่น ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน โดยพบมีกลุ่มตกค้างในระบบกว่า 1 ล้านคน ที่ยังไม่ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) หรือผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ ขอให้รีบมายืนยันตัวตนเพื่อใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ธนาคารกรุงไทยฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ ในเวลาทำการ ภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2567 นี้
โดยในการยืนยันตัวตนต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เพื่อให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการจากภาครัฐในอนาคต
ส่วนของผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางมายืนยันตัวตนด้วยตนเองได้ ให้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ นำหลักฐานเอกสารประกอบดด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน(ผู้ลงทะเบียน)
- หนังสือมอบอำนาจ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ได้รับมอบอำนาจ)
- สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือ (ผู้ได้รับมอบอำนาจ) ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี) ให้นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานยืนยันตัวตน
ทั้งนี้ หากไม่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในกำหนด จะถือว่าท่านไม่ประสงค์รับสิทธิ
ตรวจสอบสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ผู้ถือบัตรตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 0-2109-2345 วันจันทร์ - ศุกร์ 08.30 - 17.30 น. เว้นวันหยุดราชการ
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568
อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วพ้นกำหนดมาแล้ว แต่อยากได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ก็สามารถลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ 2568 ที่จะมีขึ้นในครั้งถัดไปได้ โดยกระทรวงการคลังได้กำหนดกรอบการลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ คาดว่าภายในเดือน มี.ค. 68 ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายเดิม หากผ่านตามเกณฑ์ใหม่ ก็ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพราะจะได้รับสิทธิโดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ เกณฑ์การคัดกรองผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คัดกรองคนจนจริงเข้ากลุ่ม จะมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์บางส่วน เช่น จะเพิ่มเติมพิจารณาเกณฑ์รายได้คนในครอบครัว เพราะเจอบางคนมีรายได้จากคนอุปการะ ไม่ได้จนจริง การดูเกณฑ์ที่ดิน พิจารณาสินทรัพย์ที่ถือครอง รวมถึงดูการใช้เงินของผู้มีสิทธิที่ผ่านมา ทั้งการซื้อของร้านธงฟ้า ค่าก๊าซ ค่าเดินทางรถเมล์รถไฟฟ้า โดยให้การใช้งบประมาณภาครัฐ อยู่ที่เดือนละ 60,000 ล้านบาท และคัดกรองผู้ได้สิทธิให้ตรงเป้าหมายมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูล กระทรวงการคลัง
