วันนี้ (24 ธ.ค. 67) เมื่อเวลา 10.30 น. ได้มีคุณยายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อายุ 68 ปี และ อายุ 78 ปี เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากถูกคนร้ายสวมหมวกไอ้โม่งบุกบังคับข่มขืนกลางวันแสก ๆ ที่กลางทุ่งนา แจ้งความแล้วแต่ตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ต้องอยู่อย่างหวาดผวาทั้งหมู่บ้าน จึงอยากให้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ตำรวจเร่งจับกุมคนร้ายมาลงโทษ
สำหรับผู้เสียหายคนแรกที่เป็นคุณยายอายุ 68 ปี เปิดเผยว่า ครอบครัวมีอาชีพทำนาปลูกข้าว โดยเช้าวันที่ 8 ส.ค.67 ยายกับสามีและน้องสาวได้ออกไปเก็บต้นกล้าข้าวในที่นาท้ายหมู่บ้าน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งห่างจากบ้านไปประมาณ 500-600 เมตร ยายไปบริเวณนั้นเป็นครั้งแรก พอใกล้เที่ยงสามีกับน้องสาวได้กลับเข้าไปบ้านก่อน เพราะยายยังเก็บต้นกล้าข้าวไม่เสร็จ จึงอยู่ที่นาคนเดียว จู่ ๆ มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้าโผล่มาประชิดตัว รูปร่างผอม สูง สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงยีน เข้ามาทำทีถามว่า "มีจอบเสียมให้ยืมไหม"
จากนั้นคนร้ายก็บีบคอฉุดลากยายไปใกล้บ่อน้ำกลางนา ระหว่างนั้นคนร้ายก็ถามว่า "ยายมีเงินไหม เอาเงินมาให้หมด" ยายกลัวมากบอกว่า "ไม่มี" และได้แต่ร้องขอชีวิตว่าอย่าทำอะไรยายเลย คนร้ายก็ข่มขู่ห้ามส่งเสียงดัง ให้อยู่นิ่งๆ แล้วถลกเสื้อยายขึ้นมาปิดหน้าไม่ให้ยายมองอะไร ก่อนจะลงมือข่มขืนยายจนสำเร็จความใคร่ แล้วคนร้ายก็ให้ยายหลับตาเป็นเวลา 10 นาที ยายก็ไม่กล้าลืมตาเพราะถูกข่มขู่ถ้าขัดขืนจะบีบคอให้ตาย แล้วคนร้ายก็หลบหนีไป หลังจากนั้นยายรีบใส่เสื้อผ้ากลับมาบ้านบอกสามีและลูก ๆ แล้วพากันไปแจ้งความที่ สภ.บัวใหญ่ ทันที
ผู้เสียหายคนแรก บอกอีกว่า ก่อนหน้าที่ยายจะถูกกระทำประมาณ 2 สัปดาห์ ก็มียายคนหนึ่งในหมู่บ้าน อายุ 70 ปี ไปทุ่งนาเจอคนร้ายสวมไอ้โม่งลักษณะเดียวกันเข้ามาข้างหลังและจะเอาเงิน แต่พอดีมีชาวบ้านผ่านมาเห็น คนร้ายจึงรีบหนีไป ซึ่งยายก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องกับตัวเอง หลังแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ ได้ส่งตัวยายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาในหมู่บ้านมีคนติดยาดมสารระเหยเยอะ ซึ่งอันตรายมาก ทุกวันนี้ยายเครียดจนนอนไม่หลับ หวาดกลัวไม่กล้าไปนาอีก จนหมอต้องให้ยาคลายเครียดมากิน ผ่านมา 4 เดือนอยู่ไม่เป็นสุข เสียขวัญ ลูกหลานต้องพาไปรดน้ำมนต์ และยายก็ไม่กล้าอยู่คนเดียว เพราะตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้
ด้านผู้เสียหายอีกคนที่เป็นคุณยายอายุ 78 ปี กล่าวว่า ยายกับผู้เสียหายคนแรกอยู่บ้านติดกัน วันเกิดเหตุ 14 ธ.ค.67 เวลาประมาณ 11.00 น ยายไปนาเก็บข้าวตามปกติทุกวัน ห่างจากจุดเกิดเหตุของผู้เสียหายคนแรกประมาณ 1 กิโลเมตร จู่ ๆ ก็มีคนร้ายเป็นชายประชิดตัวเข้ามาทางด้านหลังบีบคอยาย ข่มขู่ไม่ให้หันไปมองจากนั้นก็ใช้หมวกผ้าที่ยายสวมใส่กันแดดปิดคลุมใบหน้ายายจนมองไม่เห็นอะไร คนร้ายได้ถามว่า "มีเงินไหม" ในตัวยายมีเงินอยู่ 420 บาท มันก็ล้วงเอาไปหมด ยายบอกว่าจะไปแจ้งตำรวจมาจับ คนร้ายยังท้าทายบอกว่าไม่กลัว ระบุว่า ตำรวจทำอะไรไม่ได้ เพราะมันแค่มาหาปู จากนั้นคนร้ายก็บอกว่า "เอาสะหน่อย" ยายกลัวจนตัวสั่น คนร้ายได้ถอดกางเกงยายเอามามัดแขนยาย 2 ข้างไพล่หลัง แล้วบังคับให้นอนลง ก่อนจะทำการข่มขืนยายจนสำเร็จความใคร่แล้วหลบหนีไป จากนั้นยายพยายามแก้มัดที่แขนจนหลุดแล้วรีบมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง และเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บัวใหญ่ ทันที
ผู้เสียหายบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้รู้ข่าวยายคนแรกที่ถูกกระทำก็สงสาร ยายแก่มากแล้วไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแแบนี้ขึ้นกับตนเอง ตอนนี้ผู้หญิง คนแก่ และเด็กต่างหวาดผวากันไปหมด ไม่กล้าไปทุ่งนา หรือไม่ไหนมาไหนคนเดียว เพราะมีข่าวอีกว่ามีหญิงแก่อีก 1-2 คน ที่ถูกกระทำ แต่อับอายและหวาดกลัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
ขณะที่ นางปวีณา ได้โทรศัพท์ประสาน พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และพ.ต.อ.รณรงค์ สุรทศ ผกก.สภ.บัวใหญ่ พร้อมกล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ต้องให้ตำรวจเร่งจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากชาวบ้าน ผู้หญิง คนแก่ และเด็กหวาดกลัวกันมาก คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะใส่หมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า กลัวคนจะจำได้ และรู้เส้นทางพื้นที่เป็นอย่างดี โดยมีพยานบอกว่าช่วงเกิดเหตุเห็นชายต้องสงสัยลักษณะเดียวกันกับที่ยายแจ้งวนเวียนอยู่แถวนั้น หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปติดตามคดีกับ พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ และ พ.ต.อ.รณรงค์ เพื่อขอให้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว