ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ฝากขัง อส.ปืนโหด ยกมือไหว้ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต อ้างบันดาลโทสะ พร้อมรับกรรมที่ก่อขึ้น ขณะที่ตำรวจแจ้งเพิ่มอีก 2 ข้อหา รวมทั้งหมด 6 ข้อหาหนัก
"อส.โหด" ไหว้ขอโทษคดียิง 2 สามีภรรยา
จากกรณี นายอัครพณธ์ อายุ 50 ปี อาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอหาดใหญ่ เมาคลั่งไล่ยิงคนในร้านข้าวต้ม ก่อนยิงสองสามีภรรยา เสียชีวิตต่อหน้าลูก 2 คน ที่กำลังกินสังสรรค์วันเกิด และเจ้าของร้านก็ถูกยิงสาหัส
ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นำตัวนายอัครพณธ์ ผู้ต้องหา ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา สภ.หาดใหญ่ เพื่อนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดสงขลา พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว โดยทันทีที่ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา นายอัครพนธ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ได้ยกมือไหว้ พร้อมยอมเปิดปากเป็นครั้งแรกกับผู้สื่อข่าวว่า
"ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ก่อเหตุไปเพราะบันดาลโทสะ ส่วนสาเหตุไม่ขอพูดถึงเพราะให้การในสำนวนหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมยอมชดใช้กรรม"
แจ้งข้อหาเพิ่ม "อส.โหด"
ด้านตำรวจ สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหานายอัครพนธ์ เพิ่มอีก 2 ข้อหา คือฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากเดิมแจ้งไปแล้ว 4 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา ข้อหาพกพาอาวุธปืน ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหายิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น
จี้โทษประหารชีวิต "อส.โหด"
ส่วนบรรยากาศที่วัดป่าบอนต่ำ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ญาติได้รับศพ นายสิทธิพงศ์ และ นางสาวอรชอน คู่สามีภรรยา เหยื่อ อส.เมาคลั่ง มาประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีลูกชายอายุ 12 ขวบ คอยอยู่ข้างร่างพ่อแม่ไม่ห่าง บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ญาติระบุว่า อยากให้คนก่อเหตุได้รับโทษประหารชีวิต และอยากให้มีการควบคุมการใช้อาวุธปืนของ อส. เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว และชาวบ้านหลายคนมักเจอ อส.ที่มีพฤติกรรมกร่าง
ขณะที่นายสถาพร อดีตลูกน้องครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่เป็นพ่อแม่ที่อบอุ่น และคอยช่วยเหลือสังคม ตนเองมาอยู่กับผู้ตายตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ได้เรียนรู้วิชาเกี่ยวกับซ่อมรถ กระทั่งเติบโตออกมาประกอบอาชีพเป็นของตัวเอง สงสารเด็ก ๆ ที่คงจะจำฝังใจไปตลอดชีวิต ส่วนตัวมองว่า คดีฆ่าผู้อื่น กฏหมายประเทศไทยอ่อน ติดคุกอีก 10 ปี ผู้ก่อเหตุก็กลับออกมาใช้ชีวิตปกติได้แล้ว
เจ้าของร้านข้าวต้ม พ้นขีดอันตรายแล้ว
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อลูกชายของ นางสาวภาวนา เจ้าของร้านข้าวต้มที่ถูกยิง อาการล่าสุดจากการเข้าห้องผ่าตัด แพทย์ได้ทำการศัลยกรรมตกแต่งบาดแผลและได้ดูอาการแล้ว กระสุนไม่โดนสมอง โดยวิถีกระสุนได้เจาะกะโหลกเบ้าตาขวาทะลุเบ้าตาซาย ตอนนี้รู้สึกตัว อาการพ้นขีดอันตราย ปลอดภัยแล้ว แต่แพทย์บอกว่า ตาอาจจะบอด มองไม่เห็น เพราะกระสุนได้โดนเส้นประสาทตาทั้งสองข้าง