สนามข่าว 7 สี - เมื่อวาน (24 ธ.ค.) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี มีการอนุมัติโครงการหลายเรื่อง โดยเฉพาะโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ หรือโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสที่ 2
เปิดเงื่อนไขแจกเงิน 10,000 บาท ให้ผู้สูงอายุ
ใครที่มีคนแก่อายุเกิน 60 ปี ที่อยู่บ้านมาฟังทางนี้ เพราะรัฐบาลเตรียมแจกเงินหมื่นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า คนละ 10,000 บาท ซึ่งรัฐบาลเตรียมกดปุ่มจ่ายเงินรอบแรกก่อนตรุษจีน คือ วันที่ 29 มกราคมปีหน้า
กลุ่มเป้าหมายสำคัญ คือ ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ไว้แล้ว มีสัญชาติไทย และมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ต้องเป็นกลุ่มที่มีรายไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี และเงินฝากรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท ไม่เป็นผู้ต้องขัง ไม่ได้อยู่ในสถานสงเคราะห์ของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รวมถึงไม่ใช่กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการที่ได้รับเงินไปแล้ว
กำหนดจ่ายเงิน คือ ปีหน้า ดังนั้นยังมีเวลาให้ลูก ๆ หลาน ๆ ช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านดูเรื่อง "พร้อมเพย์" เพราะรัฐบาลจะกดปุ่มจ่ายเงินผ่านบัญชี "พร้อมเพย์" ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน
อีกของขวัญที่คณะรัฐมนตรีมอบให้ประชาชน คือ โครงการ "Easy E-Receipt 2.0" ที่อนุมัติหลักการไปเมื่อวาน (24 ธ.ค.) เป็นมาตรการลดหย่อนภาษีที่หลายคนรอคอย รูปแบบมาตรการคล้ายกับปีที่แล้ว แต่มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้แตกต่างจากเดิม
ระยะเวลาโครงการ คือ ตั้งแต่ 16 มกราคม 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยสามารถนำยอดช็อปปิงสินค้าสูงสุด 50,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีที่มนุษย์เงินเดือนจะยื่นในช่วงต้นปี 2569
แต่ปีนี้แตกต่าง คือ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ซื้อสินค้าและบริการทั่วไปให้ครบ 30,000 บาท เพื่อลดหย่อนส่วนแรก และหากอยากจะซื้อสินค้าเพิ่มเติมอีก 20,000 บาท ต้องเป็นสินค้าโอทอป หรือวิสาหกิจชุมชน (หรือจะซื้อสินค้าโอทอปให้ครบ 50,000 บาททีเดียวก็ทำได้)
ไฟเขียว Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษี
หลักการสำคัญ คือ ต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น ไม่สามารถใช้รูปแบบกระดาษแทนได้ ซึ่งใบกำกับภาษีนี้สามารถขอให้ทางร้านส่งเข้าอีเมลได้ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะระบบจะส่งข้อมูลเข้าฐานข้อมูลของกรมสรรพากรอัตโนมัติ
สำหรับสินค้ากับบริการที่ไม่เข้าเงื่อนไขลดหย่อนภาษี คือ สุรา, เบียร์, ไวน์, ยาสูบ, รถยนต์, จักรยานยนต์, เรือ, น้ำมัน, ก๊าซ, ชาร์จรถไฟฟ้า, ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ, สัญญาณโทรศัพท์-อินเทอร์เน็ต, เบี้ยประกันวินาศภัย และรอบนี้พิเศษหน่อย คือ สินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
แล้วต้องชี้แจงทำความเข้าใจอีกอย่าง คือ การลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท ไม่ได้หมายความว่ายอดซื้อของทั้งหมดจะถูกนำไปลดหย่อนเต็มจำนวน แต่จะเป็นการนำไปลดหย่อนภาษีได้มากสุดตามอัตราภาษีที่ต้องเสีย พูดง่าย ๆ คือ คนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมโครงการ
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง บอกว่า ที่ไม่ร่วมสินค้าและบริการของกลุ่มท่องเที่ยวเข้าไปด้วย เพราะจะมีการหารือรายละเอียดกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ส่วนของขวัญปีใหม่ของรัฐบาล เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนในช่วงปีใหม่อื่น ๆ มีทั้งยกเว้นค่าผ่านทาง 8 วันเต็ม (26 ธ.ค.2567 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 2 ม.ค. 2568 เวลา 24.00 น.) คือ ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี), ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์), ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (กทม.-บ้านฉาง), ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (บางปะอิน-บางพลี และพระประแดง-บางขุนเทียน)
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังลดค่าไฟเหลือ 4 บาท 15 สตางค์ต่อหน่วย ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเมษายน ปีหน้า จากปกติค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดปัจจุบันอยู่ที่ 4 บาท 18 สตางค์ต่อหน่วย