หลังปีใหม่ “ประเสริฐ” ผุดมาตรการจัดการ SMS ดูดเงิน ลั่นถ้าค่ายมือถือไม่ทำ ต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย

หลังปีใหม่ “ประเสริฐ” ผุดมาตรการจัดการ SMS ดูดเงิน ลั่นถ้าค่ายมือถือไม่ทำ ต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย

View icon 72
วันที่ 26 ธ.ค. 2567 | 15.24 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ประเสริฐ”  ลั่นหลังปีใหม่ ถ้าค่ายมือถือไม่จัดการ SMS หลอกลวง ต้องร่วมรับผิดชอบค่าเสียหาย “วันนอร์” ฝากรัฐบาล ช่วย  43 คน ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นต์เตอร์ต่างแดน

ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (26ธ.ค.67)นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส. กทม. พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถาม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  (ดีอี) เรื่องปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีข้อสังเกตว่าการกำกับธุรกรรมทางออนไลน์ที่เข้าข่ายหลอกหลวงประชาชน สถาบันการเงินหรือธนาคาร ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ขอรัฐบาลอย่าเกรงใจนายทุนธนาคาร 

ขณะที่ นายประเสริฐ ชี้แจงตอนหนึ่ง กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีร ออกมาระบุพิกัดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ว่า  นายทักษิณมีความเป็นห่วงคนไทย โดยกระทรวงดีอีไม่นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาประสานงานไปยัง ประเทศมาเลเซีย ประเทศเมียนมา ประเทศจีน ประเทศสปป.ลาว ประเทศกัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเข้าไปปราบปรามแก๊งคอลเซ็นต์เตอร์ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณในความห่วงใย รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด

“บัญชีม้าที่ยึดอายัดได้และมีเงินคืน มีที่มาและที่ไปจำนวนมาก หากระงับได้ทันที สามารถทำได้ทันที แต่เงินในบัญชีปรากฎเจ้าทุกข์หลายราย ทั้งนี้มาตรการที่เกี่ยวกับธนาคารนั้น กำหนดให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบเหมือนกับเครือข่ายมือถือ ทั้งนี้ไม่มีความเกรงใจธนาคาร หรือโอเปอร์เรเตอร์ แต่เราเกรงใจประชาชน ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าคณะกรรมการและป้องกันภัยไซเบอร์เราจะเอาใจธนาคาร โดยหลังปีใหม่นี้จะได้เห็น ระบบคลีนซิ่งหากพบข้อความไม่เหมาะสม เป็นภัย หรือข้อความหลอกลวงประชาชน ข้อความต้องถูกยกเลิก หากโอเปอร์เรเตอร์ไม่ทำตาม ต้องมีส่วนรับผิดชอบกรณีที่ผู้เสียหายกดลิงก์ดูดเงิน” นายประเสริฐ ชี้แจง

ส่วนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้ฝากตอนท้ายว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ทูตฯ 2 ประเทศว่า มีพลเมืองถูกจับ และ บังคับให้เป็นแก๊งคอลเซ็นตอร์ ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยถูกหลอกมาเมืองไทยว่า จะมาท่องเที่ยวและมีงานทำ แต่กลับถูกจับและส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน มีประเทศหนึ่งถูกจับ 13 คน อีกประเทศ 30 คน  หากเป็นแบบนี้ทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวซึ่งไม่เป็นผลดี อยากให้รัฐบาลแก้ไขโดยด่วน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง