อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ที่บ้านพักของเขา ในเมืองเพลนส์ รัฐจอร์เจีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 100 ปี โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นายคาร์เตอร์ ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพหลายอย่าง รวมทั้งมะเร็งผิวหนังที่ลามไปที่ตับและสมอง เขาจึงตัดสินใจเข้ารับการดูแลแบบประคับประคอง และใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่นที่บ้านพักในรัฐจอร์เจีย
นายคาร์เตอร์ นับว่าเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอายุยืนยาวกว่าคนอื่น ๆ และได้ชื่อว่าเป็นอดีตประธานาธิบดีที่ดีกว่าตอนดำรงตำแหน่งเสียอีก ซึ่งนายคาร์เตอร์ ก็ยอมรับกับสถานะนี้อย่างเต็มใจ เนื่องจากขณะดำรงตำแหน่งเขาต้องเผชิญปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
และวิกฤตการณ์อิหร่านจับนักการทูตสหรัฐฯ เป็นตัวประกันเมื่อปี 2522 ทำให้คะแนนนิยมในตัวเขาไม่ค่อยดีนัก แต่หลังพ้นจากตำแหน่งเขาได้มุ่งหน้าทำงานด้านมนุษยธรรม จนได้เป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและอียิปต์ และคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 2545
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้อาลัย ต่ออดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ ในฐานะ "นักการเมือง นักมนุษยธรรม และเพื่อนที่รัก" พร้อมกล่าวว่า นายคาร์เตอร์ใช้ชีวิตที่ไม่ได้วัดด้วยคำพูดแต่วัดด้วยการกระทำ และนับเป็นการสูญเสียผู้นำที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งของโลก
ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความแสดงความอาลัยต่ออดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ โดยกล่าวว่า "ความท้าทายที่จิมมี คาร์เตอร์เผชิญในฐานะประธานาธิบดีเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของประเทศ ซึ่งเขาได้ทำทุกวิถีทาง เพื่อปรับปรุงชีวิตของชาวอเมริกันทุกคน ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อเขา"
โดยเมื่อวานนี้ ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ยังได้ลดธงชาติลงครึ่งเสา เพื่อเป็นเกียรติแก่นายจิมมี คาร์เตอร์ หลังมีการประกาศข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของเขาด้วย
ขณะที่ ผู้นำโลกพากันโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เพื่อส่งคำแสดงความไว้อาลัย และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีคาร์เตอร์ หลังทราบข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของเขา