ตำรวจสอบสวนกลาง กวาดล้างรถแฝดแดนใต้ หลังพบผู้เสียหายหลายรายแจ้งความถูกสวมทะเบียน

ตำรวจสอบสวนกลาง กวาดล้างรถแฝดแดนใต้ หลังพบผู้เสียหายหลายรายแจ้งความถูกสวมทะเบียน

View icon 125
วันที่ 2 ม.ค. 2568 | 08.25 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจสอบสวนกลาง กวาดล้างรถแฝดแดนใต้ หลังพบผู้เสียหายหลายรายแจ้งความถูกสวมทะเบียน หลังกระจายกำลังตรวจสอบ ในพื้นที่ 11 จังหวัดทางภาคใต้ พบรถถูกสวมทะเบียนจำนวนมาก โดยคนร้ายสวมทะเบียนเพื่อก่ออาชญากรรม เช่น ลักลอบนำเข้าน้ำมัน ลักลอบขนบุหรี่หนีภาษี

2 มกราคม 2568 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง รับผิดชอบทั้งหมด 11 จังหวัดทางภาคใต้ตอนล่างของไทย ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส  ซึ่งในห้วงที่ผ่านมาในหลาย สถานีตำรวจทางหลวงทั้ง 5 สถานี ในพื้นที่ 11 จังหวัดทางภาคใต้ของกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้รับการแจ้งจากผู้เสียหายหลายรายเกี่ยวกับรถยนต์ของตนเองได้รับใบสั่งความผิดจราจร โดยที่มีรถยนต์คันอื่นที่มีลักษณะรถคล้ายกัน ใช้ป้ายทะเบียนเหมือนกับตัวผู้เสียหายเอง (รถแฝด) ทำให้ผู้เสียหายหลายรายได้รับความเดือดร้อนและเกรงว่ารถยนต์ที่สวมป้ายทะเบียนของตนจะไปใช้ก่อเหตุอื่นใด อาจทำให้ตนเดือดร้อน  และตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา

สถานีตำรวจทางหลวงทั้ง 5 สถานีในพื้นที่ของกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้มีการจับกุมเกี่ยวกับการขนย้ายแรงงานต่างด้าวและพกพาอาวุธปืนหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่ในคดีที่จับกุมได้ตรวจพบว่ามีการใช้ยานพาหนะที่มีการติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจพบการกระทำความผิด และบางส่วนมีการหลบเลี่ยงใช้ป้ายทะเบียนปลอมมาติดกับรถที่กรมการขนส่งทางบกระงับการใช้รถแล้ว เนื่องจากขาดต่อภาษีเกินเวลา 3 ปี แล้วไม่ยอมนำแผ่นป้ายทะเบียนคืนต่อนายทะเบียน แต่ยังนำรถที่ติดแผ่นป้ายดังกล่าวที่ยังไม่ได้คืนนายทะเบียนมาวิ่งบนท้องถนน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากการที่จะกระทำความผิดอีกเช่นกัน

ดังนั้น กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยสถานีตำรวจทางหลวงทั้ง 5 สถานี จึงได้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยานพาหนะรถยนต์ที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอมทั้งหมดในพื้นที่รับผิดชอบ 11 จังหวัดทางภาคใต้ตอนล่าง  ในห้วงตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ฐานข้อมูลจาก ระบบ Big Data ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาวิเคราะห์เพื่อหาดำเนินการจับกุมเกี่ยวกับกลุ่มยานพาหนะที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอมและป้ายทะเบียนที่ผิดกฎหมายทุกประเภททั้งหมดบนท้องถนนในพื้นที่ 11 จังหวัดทางภาคใต้ที่รับผิดชอบ อันเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว พกพาอาวุธในรถ และอาชญากรรมต่างๆ และได้ขยายผลนำหมายศาลทำการตรวจค้นบ้านที่มีการลักลอบใช้รถติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมหรือป้ายทะเบียนผิดกฎหมายด้วย
ได้ผลการปฏิบัติพร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1.บุคคลต่างด้าว 116 คน

2.อาวุธปืน 10 กระบอก 
2.1 ปืนยาว 2 กระบอก
2.2 ปืนสั้น 8 กระบอก
3.กระสุนปืน 76 นัด
4.ลักลอบนำเข้าน้ำมัน 3,880 ลิตร
5.บุหรี่หนีภาษี 803 ซอง
6.ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแผ่นป้ายทะเบียน 11 คัน
7.ความผิดอื่นเกี่ยวกับรถ(ใช้รถไม่เสียภาษีประจำปี,ใช้รถที่ระงับการใช้รถแล้ว,ปิดบังแผ่นป้ายทะเบียน) 10 คัน

โดยที่ผ่านมาพบรูปแบบการปลอมแผ่นป้ายทะเบียน 2 รูปแบบ คือ        
       1.ปลอมแปลงเป็นลักษณะแผ่นโลหะคล้ายทะเบียนที่กรมการขนส่งออกให้
       2. ปลอมแปลงโดยพิมพ์เป็นแผ่นสติกเกอร์ คล้ายป้ายทะเบียน
ข้อกฎหมาย
การสวมทะเบียนรถปลอมมีความผิดดังนี้ 
1.ความผิดฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม 
ตามมาตรา 265 ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 - 10,000 บาท
2.ความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 หากเป็นป้ายที่ทางราชการออกให้จริง มีความผิด มาตรา 67 ฐานเอาป้ายทะเบียนรถคันอื่นมาติด และอาจจะมีฐานความผิดอื่นตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย สำหรับผู้เช่าซื้อหรือเจ้าของรถ หากขายให้แก่บุคคลอื่น นำรถไปจำนำ หรือนำรถออกให้เช่าต่อ โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงหรือบริษัทไฟแนนซ์ไม่ได้ยินยอม โดยตนเองขาดการผ่อนชำระกับกับบริษัทที่ออกไฟแนนซ์ให้ กรณีแบบนี้อาจจะตกเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ 
3. การนำรถมาใช้โดยไม่จดทะเบียนตามระยะเวลาที่กำหนด ถือว่ามีความผิดตามตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 6 (1) มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
เตือนภัย  
แนวทางแก้ปัญหาเมื่อรถตัวเองถูกนำทะเบียนไปใช้ซ้ำเป็นรถแฝด
โดยหลักการรถที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกในระบบทะเบียนจะมีรถที่ถูกต้องเพียงคันเดียวเท่านั้นต่อหนึ่งป้ายทะเบียน จึงขอให้เจ้าของรถคันที่ถูกสวมของตนเอง เข้ายืนยันความถูกต้องที่มาของรถตนเองว่าจดทะเบียนมาถูกต้อง พร้อมสมุดคู่มือรถ โดยการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่ารถของตนเองมีการถูกใช้ซ้ำซ้อน  และระหว่างรอให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป  ถ้ารถของตนได้รับใบสั่งจากรถที่สวมหมายเลขทะเบียนของตนเอง  เบื้องต้นสามารถนำบันทึกประจำวันที่ได้รับมาจากการแจ้งความกับพนักงานสอบสวนไว้แล้ว มาแจ้งกับสถานีตำรวจที่ออกใบสั่งให้ แจ้งว่ารถตนเองถูกสวม พร้อมทั้งนำข้อมูลสมุดคู่มือรถว่ารถตนเองจดทะเบียนถูกต้อง การครอบครองรถมายืนยันว่าตนเองเป็นเจ้าของที่แท้จริงจดทะเบียนไปยืนยันได้ระหว่างรอพนักงานสอบสวนรับแจ้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง