ญาติโพสต์ หนุ่มวัยรุ่นถูกตำรวจขับรถชนจนพิการ ตำรวจไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่ สิบตำรวจโท ยัน ไม่จริง

ญาติโพสต์ หนุ่มวัยรุ่นถูกตำรวจขับรถชนจนพิการ ตำรวจไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่ สิบตำรวจโท ยัน ไม่จริง

View icon 122
วันที่ 3 ม.ค. 2568 | 07.31 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ญาติโพสต์ หนุ่มวัยรุ่นถูกตำรวจขับรถชนจนพิการ และตำรวจไม่ขอชดใช้ค่าเสียหาย เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิด ซ้ำ ถูกยัดข้อหา ขณะที่ สิบตำรวจโท ผู้ขับเก๋งชน ยัน ไม่ได้หนีไปไหน และพูดคุยกับคนเจ็บตลอด 

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 2 ม.ค.68 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความว่า ตำรวจ สภ.คลองหลวง ขับรถชนวัยรุ่นชายจนพิการติดเตียง กลายเป็นเจ้าชายนิทรามา 2 เดือน ทางตำรวจอ้างว่า ตนเองไม่ผิด ได้มีการใช้เจ้าหน้าที่ พฐ. มาตรวจสอบความเร็วรถ และตรวจรอยชน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าใครผิด ต่อมาตำรวจ สภ.คลองหลวง เปลี่ยนแผนมาใช้วิธียัดข้อหาให้วัยรุ่นชาย อ้างว่าวัยรุ่นชายแหกด่านมา และใช้ความเร็วรถมอเตอร์ไซต์เกิน ทำให้รถไปชนกับรถตำรวจ และจะไม่ขอชดใช้ค่าเสียหายให้ เพราะไม่ใช่ฝ่ายผิดทางญาติๆเกรงว่า วัยรุ่นชายจะเจ็บตัวพิการฟรี เพราะตำรวจช่วยเหลือกันในทางคดี เคสนี้แย่มาก ชายที่พิการติดเตียง ปกติต้องคอยเลี้ยงแม่ที่พิการติดเตียง แต่ตอนนี้กลับต้องมานอนติดเตียงเอง 2 เดือนแล้ว

ต่อมา ด้าน ส.ต.ท.คนที่ขับรถเก๋งเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ เดินทางมาพบกับร.ต.ท.อนุสรณ์ เวียงสิมา รองสว.สอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม และได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 พ.ย.67 ที่ผ่านมาตนเองได้ขับรถเก๋งไปส่งผู้บังคับบัญชา และขากลับขับรถมาถนนพหลโยธินขาเข้า กทม.ช่องทางคู่ขนานเลนด์ขวา ซึ่งตนเองมองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ จู่ๆรถจักรยานยนต์ก็เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน จึงทำให้เฉี่ยวชนกันเมื่อเฉี่ยวชนกันแล้วรถจักรยานยนต์ล้มและคนขับได้รับบาดเจ็บ ตนเองจึงลงไปดูอาการของน้องที่บาดเจ็บ ซึ่งด้านหน้ามีด่านตำรวจอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบมาดูเหตุการณ์ และเรียกรถกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือ หลังจากเกิดเหตุ ก็มีการพูดคุยกันตลอด และตนเองก็ได้เข้าไปหาน้องคนเจ็บ ที่โรงพยาบาล เพราะน้องเขาไปรักษาตามสิทธิที่ รพ. อีกแห่งหนึ่ง โดยตนเองเป็นคนพาคู่กรณีไปย้ายรพ. จากนั้นก็เข้ามาพบพนักงานสอบสวน 2 ครั้งและได้คุยกับพี่ชายเขาด้วย ซึ่งพี่ชายเขายังบอกว่า ไม่ได้อะไร แค่อยากให้ช่วยเหลือเยียวยาค่ารักษาพยาบาล ตนเองยังบอกไปว่า ตนเองก็พร้อมช่วยเหลือตามที่ตนเองช่วยไหว เพราะตำรวจเจ้าของคดี ก็ยังไม่ได้ชี้ว่าใครเป็นคนผิดถูกอย่างไร ตนเองก็ยังโทรศัพท์พูดคุยกับพี่ชายกับคู่กรณีตลอด ล่าสุดก็สัปดาห์ก่อน โดยคนเจ็บกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน คือ อาการมีไข้ มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งตนเองเห็นข่าวที่พี่ชายเขาพูดแล้วรู้สึกผิดหวัง เพราะเขาพูดไม่เป็นความจริง หนังคนละม้วน ซึ่งตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อื่นไม่ใช่ ตำรวจ สภ.คลองหลวง และพร้อมดูแลเท่าที่ไหว

ด้านพ.ต.ท.สุชัย แส่งส่อง รองผกก.สอบสวนสภ.คลองหลวง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้ส่งรถ และภาพจากกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบความเร็วที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานเขต1 ซึ่งขณะนี้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับรถเก๋งแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งต้องรอสอบปากคำคนเจ็บด้วย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย