บำเพ็ญกุศลทางศาสนา คืนแรก 7 ศพ กระบะชนต้นไม้

บำเพ็ญกุศลทางศาสนา คืนแรก 7 ศพ กระบะชนต้นไม้

View icon 1.5K
วันที่ 3 ม.ค. 2568 | 07.49 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
บำเพ็ญกุศลทางศาสนา คืนแรก 7 ศพ กระบะชนต้นไม้ ขณะที่ ลูกชายของคนหนึ่งในผู้เสียชีวิต เผย ตนเองขับรถเก๋งไปอีกคัน โดยขับนำหน้า ก่อนเกิดเหตุแม่ตนเองโทรศัพท์มาบอกว่า คนขับรถนั้นง่วงนอน แต่ผ่านไปไม่นานก็เกิดอุบัติเหตุ คาดคงวูบหลับจนชนต้นไม้  

ความคืบหน้า รถกระบะโตโยต้า ตอนครึ่ง สีเทาดำ ซึ่งมากัน 7 คน ประกอบด้วย 1.นายชูชีพ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นคนขับ 2.นางนิตยา อายุ 70 ปี ยายของนายชูชีพคนขับ 3.นางศรีสุนันท์ อายุ 72 ปี พี่สาวของนางนิตยา 4.นายศุภชัย ญาติ 5.น.ส.ปภาวดี 6. เด็กชายกิตตเมฆ  และ7. เด็กชายกิตตมุก ซึ่งเป็นภรรยา และลูกแฝดของนายชูชีพ คนขับ ขณะเดินทางจาก ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เพื่อจะไปทำธุระ ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยออกเดินทางจากบ้าน ต.ดอนยาง เมื่อเวลา 03.20 น.ของเช้าวันที่ 2 มกราคม 68 แต่ระหว่างทางรถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ร่องกลางถนนสาย 41 บริเวณหน้าขนส่งไชยา ขาล่องใต้ กม.124 + 500 หมู่ที่ 4 ต.ป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเวลา 07.30 น.ทำให้ผู้ที่โดยสารมาเสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น.ของวันเดียวกัน ทางผู้บริหารของมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ได้รับทราบเหตุ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดกู้ชีพกู้ภัยสายชล พร้อมรถพยาบาล จำนวน 7 คัน ได้เดินทางไปรับศพกลับมา ภูมิลำเนาเพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพทั้ง 7 ราย จนกระทั่งเวลา 19.40 น.ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีบรรดาญาติและเพื่อนบ้าน กว่า 300 คน ซึ่งมารอรับศพที่ศาลาเอนกประสงค์ของวัดดอนยาง ม.3 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งจัดเตรียมไว้เป็นสถานที่ตั้งศพ

ในขณะเดียวกัน ทางนายสาธิต อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนางนิตยา เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้เดินทางไปกับแม่และญาติที่เสียชีวิตในครั้งด้วย แต่ตนเองนั้น ได้ขับรถยนต์เก๋งไป อีกคัน โดยรถของตนนั้นไปกัน 4 คน ส่วนรถกระบะนั้น ไปกัน 7 คน ซึ่งมีแม่ตนเองนั่งไปด้วย และมีนายชูชีพ ใจเที่ยงธรรม ซึ่งศักดิ์ เป็นหลานของตน เป็นผู้ขับรถคันเกิดเหตุไป

นายสาธิต กล่าวว่า พวกตนเดินทางออกจากบ้านเมื่อเวลาประมาณตี 3 เศษ และเมื่อออกเดินไปด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งตนเองเป็นรถนำหน้า และรถกระบะขับตามติดกันมา จนกระทั่งเมื่อมาถึงปั๊มน้ำแห่งหนึ่งก่อนถึงสี่แยกเขาปีป อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งหากนับระยะทางจากบ้านมาตรงนี้ ประมาณ 100 กม.เศษ และเมื่อทำธุระกันเป็นที่เรียบร้อย ต่างคนก็ขึ้นรถพร้อมเดินทาง โดยตนก็ขับนำเช่นเดิม แต่เมื่อขับไปได้ระยะหนึ่ง ก็ไม่พบรถกระบะตามหลังมาติดๆ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จึงได้ขับต่อไป

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ต่อมาแม่ของตนเอง ได้โทรศัพท์มาหาพร้อมบอกว่า นายชูชีพ ง่วงนอน ขอจอดนอนข้างทางก่อน ซึ่งตนก็รับทราบและขับต่อไปเรื่อยๆและไม่ได้ขับเร็วแต่อย่างใด เพราะต้องขับรอๆกันไปอย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งประมาณ 8 โมง โทรศัพท์ดังขึ้นมาเมื่อตนเองรับก็เห็นเป็นเบอร์โทรของแม่ ได้โทรมา แต่พอรับสายกลับไม่ใช่เสียงแม่ แต่เป็นเสียงของผู้ชายและพูดมาในสาย ถามตนว่าเป็นอะไรกับเจ้าของโทรศัพท์ ซึ่งตนก็บอกว่าเป็นลูกชาย และทางปลายสายก็บอกมาอกีว่า รถยนต์ที่แม่นั่งเกิดอุบัติเหตุ ขณะนี้นำส่ง รพ.แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าหนักแค่ไหน ตนจึงได้กลับรถมาดูก็พบว่าแม่และญาติเสียชีวิตหมดแล้ว

“ตนเองคิดว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้ง น่าจะมาจากหลับใน เพราะก่อนหน้านี้(1/1/68)ทางนายชูชีพ ได้ขับรถไปทำธุระที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และได้กลับมาช่วงพบค่ำของวันนั้นเลย โดยนายชูชีพ ต้องตื่นประมาณ ตี 1 เพื่อขับรถจากบ้านพักในตัวเมืองชุมพร เพื่อมารับทุกคน ซึ่งคอยอยู่ที่บ้านใน ต.ดอนยาง อ.ปะทิว ซึ่งมีระยะทางประมาณ 60 กม.แล้วก็ต้องเดินทางต่อ เมื่อเวลา ตี 3 เศษ เพื่อเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช และเชื่อว่าเกิดอาการง่วง เพราะพักผ่อนน้อย แต่พยายามฝืน จนส่งผลให้วูบหลักในจนรถเสียหลักชนต้นไม้และทำให้ทุกคนที่โดยสารกันมาเสียชีวิตดังกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง