ไม่เหมือนที่คุยไว้ คนไทย 250 ชีวิตมารอสนามบิน หลังจ่ายเงินหวังได้ไปทำงานในออสเตรีย สุดท้ายไม่มีตั๋ว-ไม่มีไฟล์ทบิน รวมตัวแจ้งความ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท
วันนี้ (5 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ (4 ม.ค.67) ที่สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ภายในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มีกลุ่มแรงงานไทยทั้งชายหญิงเกือบ 50 ชีวิต หอบกระเป๋าเดินทาง รวมตัวกันมาแจ้งความ หลังผู้เสียหายทั้งหมด ได้โอนเงินให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง เพื่อจะได้ไปทำงานการเกษตรและอุสาหกรรมในประเทศอิสราเอล โดยมีการนัดหมายให้เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงสี่ทุ่มของคืนนี้ แต่พอใกล้เวลาผู้เสียหายทั้งหมดไปเช็กตั๋วเดินทางกลับไม่พบข้อมูลการจองตั๋วเที่ยวบินเพื่อเดินทางแต่อย่างใด
นางสลิลทิพย์ ชาวบุรีรัมย์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า บุตรชายตนเองได้รับการติดต่อจากคนรู้จัก บอกปากต่อปากกันมาชักชวนให้ไปทำงานด้านการเกษตร มีรายได้ดี จึงตอบตกลงและโอนเงินจำนวน 60,000 บาท ให้กับน.ส.ออย ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนจัดหาคนงานไปทำงาน โดยนัดบินในค่ำคืนนี้จึงพากันเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่พอมาถึงไม่พบว่ามีการจองตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด พอถามน.ส.ออย กลับได้รับคำตอบว่าติดต่อคนที่รับงานและรับเงินไปไม่ได้ ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 250 คน
ด้าน นายธนายุทธ อายุ 36 ปี ชาวสกลนคร เผยว่า ตนได้รับการชักชวนติดต่อจากน.ส.ออย ให้ไปทำงานด้านการเกษตร ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 70,000 บาท แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมเงินกว่าสองแสนบาท ให้จ่ายก่อน 120,000 บาท ที่เหลือหักจากเงินเดือน ตนจึงโอนเงิน 120,000 บาทให้น.ส.ออย และเหมารถเดินทางมาจากจังหวัดสกลนคร ตนหลงเชื่อใจเพราะมีการบอกกันปากต่อปากว่าสามารถพาคนไปทำงานได้จริง มีคนเคยไปแล้วหลายคน จึงหลงเชื่อโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับน.ส.ออยไป จนมีการนัดหมายให้มาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิในคืนนี้เพื่อเดินทาง ซึ่งตนเองก็มารอตั้งแต่เช้าจนใกล้ถึงเวลากลับไม่มีไฟล์ทหรือตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด
ขณะที่ น.ส.ออย อายุ 28 ปี นายหน้าที่จัดหาและชักชวนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดพาไปทำงานในออสเตรีย ก็เดินทางมาขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้ด้วยเช่นกัน อ้างว่าตนเองก็ตกเป็นผู้เสียหาย โดย น.ส.ออย เผยว่า ตนรู้จักกับรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันคนหนึ่งชื่อว่า น.ส.ฟ้า ซึ่งอ้างว่าตอนนี้ทำงานในสถานทูตออสเตรียประจำประเทศไทย ได้ชักชวนว่าสามารถพาคนไทยไปทำงานที่ประเทศออสเตรียได้ หากตนสามารถหาคนไปทำงานที่ออสเตรียได้ ตนจะได้ค่าตอบแทนหัวละ 2,000 บาท ส่วนใครที่จะไปทำงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตั้งแต่ 30,000 – 60,000 บาท หรือบางคนหนึ่งแสนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท แล้วแต่ระยะเวลาที่จะอยู่ทำงานที่นั่น
ตนจึงนำเรื่องราวดังกล่าวไปบอกกับญาติพี่น้องของตนว่า หากใครจะไปสามารถติดต่อตนได้ และให้โอนค่าใช้จ่ายมาที่ตนเอง ซึ่งพอมีเงินรายได้เข้ามา ตนก็จะเบิกเงินนั้นฝากเป็นเช็คพร้อมนำเอกสารต่าง ๆ ของผู้เสียหาย นัดมอบให้กับ น.ส.ฟ้า ที่หน้าสถานทูตออสเตรีย ซึ่งรวมผู้เสียหายแล้วประมาณ 250 คน รวมเป็นเงินที่นำฝากผ่านเช็คให้กับ น.ส.ฟ้าไปรวมกว่า 12 ล้านบาท หลังจากที่ส่งมอบเงินและเอกสารของผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว ทางด้าน น.ส.ฟ้า บอกว่าจะจัดการการเดินทางทั้งหมดให้ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในค่ำคืนนี้ โดยให้ผู้เสียหายนำพาสสปอร์ตมาแสดงที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเท่านั้น จึงนัดผู้เสียหายทั้งหมดมาเจอกันที่สนามบิน จนใกล้เวลาก็ไปเช็คตั๋วเครื่องบินกลับไม่พบข้อมูลการเดินทาง ไม่มีรายชื่อแต่อย่างใด พอโทรไปหา น.ส.ฟ้ากลับติดต่อไม่ได้ จึงพาผู้เสียหายทั้งหมดมาพบตำรวจ
ร.ต.อ. ชนธัญ พรหมรักษา รองสว.(สอบสวน) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาแนะนำกลุ่มผู้เสียหาย เบื้องต้นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีการโอนเงิน แต่เนื่องด้วยผู้เสียหายมีจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายเยอะ จึงแนะนำให้กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อสะดวกกับการทำสำนวนคดี โดยผู้เสียหายทั้งหมดนัดรวมตัวเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามในวันที่ 6 ม.ค.68 ในเวลา 10.00 น.