แรงงานไทย รวมตัวร้องกองปราบ ถูกนายจ้างแสบลอยแพ บินทำงาน ตปท.

แรงงานไทย รวมตัวร้องกองปราบ ถูกนายจ้างแสบลอยแพ บินทำงาน ตปท.

View icon 84
วันที่ 6 ม.ค. 2568 | 12.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หลอกแม้กระทั่งญาติ ! แรงงานไทยรวมตัวร้องกองปราบ ถูกนายจ้างแสบลอยแพบินทำงาน ตปท. ญาติเผยน.ส.ออย ยอมรับทำคนเดียว ก่อนหนีหายไปตั้งแต่เช้า ค้นเจอกล่องใส่พาสปอร์ตผู้เสียหายในบ้าน ย่านบางนา

6 มกราคม 2568 ตัวแทนกลุ่มแรงงานไทยผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นนายหน้า หลอกโอนเงิน เพื่อจะพาไปทำงานเกษตรและอุตสาหกรรมในประเทศออสเตรเลีย แต่เมื่อถึงวันออกเดินทาง กลับไม่พบว่ามีการจองตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด ทิ้งให้แรงงานไทยเคว้งอยู่ในสนามบิน สูญเงินรวมกันกว่า 12 ล้านบาท

นายณรงค์ชัย หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มพวกตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ออย หลังถูกหลอกลวงชักชวนไปทำงานประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตัว น.ส.ออยอ้างว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียที่ประเทศไทย สามารถนำคนไปทำงานที่ ออสเตรเลียได้ เพราะว่ามีช่องทางและมีโควตา จากนั้นก็มีการชักชวนกันปากต่อปาก โดยอาชีพที่น.ส.ออยอ้างว่าจะพาไปทำงานนั้นประกอบด้วย เกษตร พนักงานโรงแรม และเด็กเสิร์ฟร้านอาหาร โดยตนจะไปทำงานที่ร้านอาหาร จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท โดยจะเก็บครั้งแรก 60,000 บาท ส่วนที่เหลือจะถูกหักจากเงินเดือนหลังไปทำงานเดือนละ 10,000 บาทจนครบ แต่ละอาชีพจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน เพราะน้องชายของตนที่จะไปทำอาชีพเกษตรที่ไร่สตอเบอรี่และมะเขือเทศมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 บาท ซึ่งภายหลังการโอนเงินแล้วหนึ่งสัปดาห์ ก็จะมีการทำเอกสารสัญญาจ้าง 5 ปี กับ 10 ปี โดยทุกคนก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของน.ส.ออย ซึ่งทุกคนก็มีหลักฐานการโอนเงินดังกล่าว

นอกจากนี้ทุกคนยังนำพาสปอร์ตส่งให้น.ส.ออยเก็บไว้ โดยน.ส.ออยอ้างว่าจะจัดการทุกอย่างให้ รวมไปถึงเรื่องวีซ่าด้วย ซึ่งการนัดหมายที่จะบินนั้นคือวันที่ 4 ม.ค. แต่ทางแรงงานทั้งหมดที่หลงเชื่อเดินทางไปพักใกล้ๆสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. โดยน.ส.ออยเปิดโรงแรมให้แรงงานทั้งหมด 250 คนพัก 1 คืน เพื่อไปตรวจยืนยันสุขภาพว่าเป็นโรคติดต่ออหิวาตกโรค แต่เมื่อถึงวันที่นัดกันจะบินน.ส.ออย ก็เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิและอ้างว่า เอกสารการแพทย์ยังไม่พร้อมรอการยืนยันตอบรับจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะสามารถเดินทางได้อีกครั้งในวันที่ 10 ม.ค. ซึ่งน.ส.ออย อ้างว่าในวันนี้ 6 ธ.ค. จะนำเอกสารวีซ่าทั้งหมดมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่กองบังคับการปราบปราม แต่ล่าสุดก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งทางกลุ่มตน มองว่าพฤติกรรมของน.ส.ออยเข้าข่ายหลอกลวงทำให้ตัดสินใจยกเลิกไม่ไปทำงานพร้อมขอเงินคืน

อีกทั้งน.ส.ออยยังได้อ้างว่าตนเองได้นำเงินทั้งหมดโอนไปให้น.ส.ฟ้าที่อ้างตัวว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียเช่นกัน ซึ่งแต่เกิดเรื่องทางกลุ่มตนก็ไม่เคยพบตัวน.ส.ฟ้า เลยทำให้ไม่ทราบว่าน.ส.ฟ้ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่

ขณะเดียวกันนางน้อย อายุ 46 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ที่เป็นญาติห่างๆ กับนางสาวออย ได้วิดีโอคอลหานายนุ น้าชายของนางสาวออย ที่กำลังเข้าไปรื้อค้นเอกสาร ภายในบ้านของนางสาวออย ย่านบางนา โดยพบเป็นพาสปอร์ตของกลุ่มผู้เสียหาย ถูกใส่ไว้อยู่ในกล่องเอกสาร ทราบว่านางสาวออยได้ขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยทางญาติจะเร่งนำพาสปอร์ตของกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป ซึ่งนางน้อยยังได้บอกอีกว่านางสาวออยคุยกับญาติๆ และยอมรับว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีตัวละครชื่อฟ้าตามที่อ้างแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 11.20 น. นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมาเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว และได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า กรณีวันนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ท่านมีความห่วงใยต่อปัญหาที่ประชาชนคนไทยประสบปัญหาการถูกหลอกลวง จึงได้กำชับกรมการจัดหางานและหน่วยงานของกระทรวงแรงงานให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการทำงานต่างประเทศที่ถูกต้อง ควบคู่กับการที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่สร้างปัญหาหลอกลวงคนไปทำงานในต่างประเทศอย่างเด็ดขาด โดยปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อนได้ทั้งหมด 452 คน  ซึ่งคนไทยถูกหลอก 608 คน รวม 26 ประเทศ

และในส่วนกรณีที่เกิดปัญหาอย่างวันนี้ขึ้น เจ้าหน้าที่จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุ โดยจะมีการทำงานร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสวนกลาง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการตรวจสอบบริษัทของน.ส.ออยว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องแล้วหรือไม่ นายสนธยา ระบุว่า ขณะนี้มีการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อแน่ชัด แต่พอมีข้อมูลบ้างแล้ว แต่หากตรวจสอบแล้วมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการร่วมกันหลอกลวงคนไปทำงานในต่างประเทศก็จะถูกดำเนินคดีในทุกราย อีกทั้งปัญหาในการถูกหลอกลวงมีหลากหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่อย่างไรต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

สำหรับกรณีนี้คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานเพราะตอนนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆจากผู้เสียหาย เมื่อรวบรวมได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วก็จะดำเนินการตรวจสอบและก็จะดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ยืนยันว่าบริษัทของน.ส.ออยไม่มีการจดทะเบียนกับกรมการจัดหางานแต่อย่างใด

ทั้งนี้หากผู้ใดประสงค์จะทำงานต่างประเทศ ขอให้ตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบ ก่อนจ่ายเงินโดยสามารถตรวจสอบได้ทั้งชื่อบริษัทและประเทศที่จะไปรวมไปถึงบุคคลที่เป็นนายหน้าได้กับกรมการจัดหางาน ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง