“อนุทิน” แจงสภาฯ ปมร้อนที่ดินเขากระโดง “มหาดไทย-กรมที่ดิน” ทำถูกต้องตามกฎหมาย หากต้องเพิกถอน ขอให้ยึดตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพราะการเมืองกดดัน
วันนี้ (6ม.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้ถาม ในที่ประชุมวุฒิสภา เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของกรมที่ดิน ในกรณีข้อพิพาทพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ใจความสำคัญเน้นย้ำว่า การกล่าวอ้างว่าที่ดินกว่า 5 พันไร่นั้น มีคำพิพากษาจากศาลฎีกา และศาลปกครองกลาง ว่าเป็นของการรถไฟแล้ว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็นอย่างยิ่ง
ข้อเท็จจริงในส่วนของศาลฎีกา มีคำพิพากษาอยู่สองคดี คดีหนึ่งมีคู่ความเป็นราษฎร 35 ราย ฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย อีกคดีเป็นราษฎร 1 ราย ฟ้องการรถไฟฯ ที่ไปคัดค้านการขอออกโฉนด ภายหลังฝ่ายราษฎรแพ้คดี และ กรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว
และ ศาลไม่ได้วินิจฉัยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,083 ไร่ การอ้างว่าคำพิพากษานั้น เป็นการยืนยันกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้งหมด จึงเป็นการขยายความเกินขอบเขตของคำพิพากษา และ ไม่สามารถนำผลของคำพิพากษาที่ดินแปลงหนึ่ง ไปใช้กับที่ดินแปลงอื่นได้ เนื่องจากการได้มาของที่ดินแต่ละแปลงมีความแตกต่างกัน
ส่วนศาลปกครองกลาง ไม่ได้มีคำสั่งให้กรมที่ดินเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด ตามที่มีการสื่อสารคลาดเคลื่อน แต่ศาลได้สั่งให้อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยศาลได้มีคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดแจ้งว่า หากอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และพิจารณาข้อเท็จจริงได้เป็นเช่นใด ย่อมเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน ที่จะดำเนินการมีคำสั่งตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตามที่เห็นสมควร ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้
และ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวน ได้นำสู่ข้อสรุปว่า ยังไม่มีพยานหลักฐานปรากฏชัดแจ้งเพียงพอให้รับฟังได้ว่า มีการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย จะพิจารณาเพิกถอน หรือแก้ไขได้ ตามกฎหมายที่ดินและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
“ผมอยากให้ทุกฝ่ายพิจารณาเรื่องนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ด้วยใจที่เป็นธรรมครับ คำแถลงของกรมที่ดินที่ผ่านมาอาจจะยาวหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะเรื่องนี้มีข้อมูล ข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงทางเทคนิคมากมาย
ผมไม่อยากให้ใครตั้งธงใดๆ เพียงเพราะบริบทของเรื่องนี้ มีความเกี่ยวโยงกับบุคคลทางการเมือง เพราะในความเป็นจริง ประชาชนที่ครอบครองที่ดินมานานหลายสิบปีนั้น มีจำนวนมากมาย และพวกเขาไม่ควรได้รับผลกระทบทางการเมืองไปด้วย
กระทรวงมหาดไทยจึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากจะมีการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใด ก็ต้องเกิดเพราะมีข้อเท็จจริงเพียงพอให้กระทำได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่เพราะกระแสกดดันทางการเมือง” นายอนุทิน กล่าว