ตร.เร่งล่าตัว เอ็ม กองเรือ รับจ้างยิงอดีต สส.กัมพูชา ก่อเหตุอุกอาจกลางกรุง ขณะเดินทางมาท่องเที่ยวย่านบางลำภู มั่นใจต้องมีคนชี้เป้า 1 ในกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศแล้ว ผลชันสูตรพบกระสุนเข้าเป้า หัวใจ-ตับ ฉีกขาด
ความคืบหน้าคดียิงอดีต สส. กัมพูชา วันนี้ (8 ม.ค.68) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางไปประชุมติดตามความคืบหน้าหลังตำรวจออกหมายจับนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ เอ็ม กองเรือ ที่ก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชา พล.ต.ท.สยาม ระบุว่า ชุดสืบสวนยังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวนายเอ็มมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เบื้องต้นน่าจะรับจ้างให้มาก่อเหตุ และน่าจะมีคนชี้เป้าให้ เพราะปกติแล้วมือปืนจะไม่รู้จักกับเป้าหมาย ขณะนี้ตำรวจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควรแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล "คนชี้เป้า" ว่าเป็นใคร สัญชาติใด หรือ เข้าประเทศไทยมาพร้อมรถบัสคณะทัวร์ผู้เสียชีวิตหรือไม่
“ส่วนมูลเหตุจูงใจยังไม่แน่ชัด และตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการเมือง หรือความขัดแย้งส่วนตัว โดยขอให้ได้ตัวมือปืนก่อน”
ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้เสียชีวิตเดินทางเข้าไทยมาในลักษณะคณะทัวร์ มีผู้ร่วมทัวร์ 23 คน เดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมาพร้อมกับภรรยาและเพื่อนอีก 1 คน ซึ่งทั้งภรรยาและเพื่อนผู้ตายยังคงอยู่ในประเทศไทย ส่วนคณะทัวร์ที่เหลือ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากมีเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นมีข้อมูลจากคณะทัวร์ว่า มีลูกทัวร์ชาวกัมพูชา 1 คน ที่เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มทัวร์ของนายลิม หลังเกิดเหตุลอบสังหาร วานนี้ (7 ม.ค.68) เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ได้เดินทางออกนอกประเทศไทย ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารนายลิมหรือไม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้จัดทำข้อมูลของบุคคลดังกล่าวส่งให้ชุดสืบสวนนครบาลแล้ว
ส่วนนายเอ็ม สำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองได้ขึ้น Watchlist เฝ้าระวังนายเอ็มเดินทางออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีชื่อนายเอ็มเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อออกนอกประเทศ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่านายเอ็มออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ผ่านช่องทางธรรมชาติ
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้ผ่าชันสูตรศพผู้ตาย พบบาดแผลถูกยิง กระสุนเข้าที่หลังบริเวณสะบักขวา และกลางหลัง รวม 2 นัด สาเหตุการเสียชีวิต หัวใจฉีกขาดจากกระสุนปืน และตับฉีกขาดจากกระสุนปืน