ข่าวเย็นประเด็นร้อน - อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนไทยตกจากชั้น 14 ตึก 18 ชั้นลงมาเสียชีวิต ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา จนต่อมามีการตรวจสอบพบว่า ตึก 18 ชั้นดังกล่าว เป็นหนึ่งในตึกที่เป็นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คู่กับตึก 25 ชั้น ที่นายทักษิณ เคยออกมาระบุก่อนหน้านี้
คนไทยตกตึกที่ปอยเปต โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กล้องวงจรปิดอาคารฝั่งตรงข้าม บันทึกภาพขณะที่มีร่างคนไทยตกจากชั้น 14 ตึก 18 ชั้น ลงมาจนเสียชีวิต บริเวณอาคารแห่งหนึ่ง เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา เหตุเกิดช่วงค่ำคืนวานนี้ (8 ม.ค.) นอกจากนี้ยังภาพจากกล้องวงจรปิดภายในตึกดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตเดินอยู่ทางเดินของห้องพัก โดยมีชาย 1 คนนั่งอยู่บนเก้าอี้ คาดว่ามีการพูดคุยอะไรกันบางอย่างจนเสียง จนชายอีก 2 คน เดินออกจากห้องพักเพื่อออกมาดู จากนั้นผู้เสียชีวิตเดินไปบริเวณริมหน้าต่าง โดยมีชายที่นั่งเก้าอี้เดินตามไป แต่ไม่ทัน ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะพลัดตกจากหน้าต่างลงมาเสียชีวิต
ขณะที่แอดมินกลุ่มช่วยเหลือคนไทยในปอยเปต แจ้งเคสตกตึก 18 ชั้น ว่า น้องอายุ 31 ปี เป็นคนหนองปลาไหล จังหวัดกาญจนบุรี ตอนนี้ติดต่อญาติน้องได้แล้ว อยู่ในช่วงประสานนำน้องกลับไทย นอกจากนี้ ยังโพสต์ข้อมูลระบุว่า ตอนน้องตกลงมาตอนแรกตามคลิปตกใส่หลังคา และน้องไม่ได้เสียชีวิตเลย มีการร้องครวญครางและขยับตัวไปมา แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด เพราะหลายคนในที่เกิดเหตุ เข้าใจว่าน้องคงจะเสียชีวิตแล้ว จนสุดท้ายน้องก็หมดลมหายใจ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ รปภ.ตึกแห่งนี้ ปิดพื้นที่ตึก ก่อนจะเปิดให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้เมื่อช่วงเช้านี้ (9 ม.ค.) ล่าสุด ศพอยู่ที่โรงพยาบาลปอยเปต
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ดรามา แอดดิก (Drama-addict) โพสต์ให้ข้อมูลว่า ตึกนี้เป็นที่ตั้งของคาสิโน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่เยอะมาก และมีข่าวคนไทยตกตึกตายที่นี่ไม่ยั้ง เป็นสิบ ๆ คนแล้ว
ขณะเดียวกันในเพจเฟซบุ๊ก ปอยเปตนิวส์ ได้เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่า เพื่อนผู้ตาย บอกเพิ่งเดินทางมาทำงานเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุเพียงแค่วันเดียว บางคนบอกว่า ตึกนี้มีคนตกลงมาเสียชีวิตบ่อย เมื่อปีที่แล้วก็มีคนตกตึกเสียชีวิต
สำหรับตึกที่เกิดเหตุเป็นตึก 18 ชั้น มีรายงานว่า เป็นที่ตั้งของกาสิโน แก๊งคอลเซนเตอร์ อยู่ใกล้กับตึก 25 ชั้น ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยชี้พิกัดว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ประเทศกัมพูชา เป็นฐานบัญชาการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งต่อมาตำรวจไซเบอร์ก็ออกมายอมรับว่า จากคำให้การของผู้ต้องหา ส่วนใหญ่รับสารภาพว่า ตึก 25 ชั้นดังกล่าว คือ ฐานปฏิบัติการของบัญชีม้า
มีรายงานข่าว ระบุว่า ชายคนนี้ ร่วมอยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาดว่าอาจทำยอดไม่ถึงเป้าตามที่กำหนด จึงเกิดความเครียด ก่อนตัดสินใจปีนหน้าต่างของชั้น 14 ตึก 18 ชั้น กระโดดลงมาด้านล่าง
อัจฉริยะ ยื่นหลักฐาน แฉ 2 ตึกฐานแก๊งคอลฯ
ขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อนายรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศของสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บนตึก 25 ชั้นและ 18 ชั้นในประเทศกัมพูชา
นายอัจฉริยะ นำรูปภาพและแผนที่มาโชว์กับสื่อมวลชน ซึ่งทั้งสองตึก มีการติดเหล็กดัดที่หน้าต่าง เพื่อป้องกันการหลบหนี มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกควบคุมอยู่ คนจะเข้า-ออกไม่ได้ นอกจากเป็นคนของขบวนการคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ ทหารพรานและตำรวจ เก็บหัวคิว และมีขบวนการที่นำคนไทยและต่างชาติไปเปิดซิมการ์ด เปิดบัญชีธนาคารสาขาต่าง ๆ โดยจะต้องเข้าไปสแกนใบหน้าที่ 2 ตึกนี้ ดังนั้นตนจึงส่งคนเข้าไปสำรวจและทำแผนที่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะส่งให้กับนายรังสิมันต์
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า การเดินทางเข้าไปทำงานที่นั่นต้องผ่านช่องทางธรรมชาติ เป็นจุดรับฝากรถเป็นที่ส่วนบุคคล เช่น บ้านเจ๊หมู บ้านเจ๊มีน บ้านตาเกิด บ้านเจ๊ดาว ซึ่งเมื่อวานนี้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เข้าไปตรวจค้นที่จุดบ้านเจ๊ดาว ซึ่งตรงกับข้อมูลที่นำมายื่นกับคณะกรรมมาธิการในวันนี้
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ ทำลายและเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวประเทศไทย ในปีหนึ่งมีตัวเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกมูลค่าน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการ ซึ่งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะฝั่งเมียนมา กัมพูชา รวมถึงยังมีที่คิงส์โรมัน หรือ สามเหลี่ยมทองคำ ด้วย
แฉ เสี่ยวหม่า นายใหญ่ตึก 25 ชั้น ปอยเปต
ส่วน นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยเชิญนางสาวชาล็อต ออสติน ถูกหลอกลวงให้โอนเงินเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับความเสียหายมาชี้แจง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายชัยชนะ ระบุ ก่อนเริ่มประชุมว่า คณะกรรมาธิการตำรวจได้รับข้อมูลว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มคนจีนสีเทา เปิดออฟฟิศอยู่ชั้น 27 ที่ปอยเปต และชั้น 25 เป็นออฟฟิศที่รองรับบัญชีม้า ที่หลอกจากประเทศไทย ผู้รับผิดชอบอยู่ชั้น 27 เป็นชาวจีนชื่อ "เสี่ยวหม่า" เข้าใจว่าทางกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) พยายามเข้าไปปิดออฟฟิศดังกล่าว แต่ฝั่งประเทศต้นทางให้เฉพาะหมายจับ และจะส่งตัวเฉพาะคนที่มีหมายจับมาเท่านั้น และคนที่จะเข้าไปตึกนี้ได้จะเป็นคนในตึกเท่านั้น
รูปแบบการหลอก คือ จะมีคนกลางมาหลอกคนที่ทำอาชีพรับจ้างว่าให้ไปทำงาน ที่กาสิโน และก่อนเดินทางไปให้เตรียมบัญชี บัตรประชาชน และโทรศัพท์ โดยจะมีรถมารอรับ ไปส่งที่อำเภออรัญประเทศ และจะมีรถอีกคัน มารับไปส่งที่ชายแดน ผ่านช่องทางธรรมชาติ 4,000 บาท และเมื่อข้ามไปได้แล้วจะมีรถมารับไปส่งที่ตึกแห่งหนึ่ง ยืนยันว่า ให้ความสำคัญกับทุกคดี ไม่เคยปล่อยปละละเลยคดีใดคดีหนึ่ง ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์