ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วม อย. บุกโกดังกระจายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร-เครื่องสำอางหลากยี่ห้อ ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ยึดของกลางกว่า 7 หมื่นชิ้น มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ปฏิบัติการทลายโกดังจัดเก็บและกระจายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ในพื้นที่เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลาง 12 รายการ จำนวน 72,797 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,549,000 บาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้มีมาตรการในการเฝ้าระวังผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือแสดงฉลากไม่ถูกต้อง หากประชาชนซื้อบริโภคอาจได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้ ประกอบกับได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนให้ทำการตรวจสอบโกดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ว่ามีการลักลอบผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้องที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาจัดเก็บไว้ที่โกดังจุดดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบการลักลอบนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายมาเก็บไว้ในพื้นที่ดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อขออนุมัติหมายค้น
ต่อมาในวันที่ 7 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้นำหมายค้นของศาลแเขวงพระนครเหนือ เข้าทำการตรวจค้นสถานที่จัดเก็บผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางดังกล่าว พบ น.ส.อินทุอร (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว โดยขณะเข้าทำการตรวจค้นยังพบวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยพบส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น แป้ง ผงคอลลาเจน สีผสมอาหาร ฯลฯ บรรจุถุงวางอยู่บริเวณพื้นในห้องผสม และพบเครื่องจักรที่ใช้ผลิต เช่น เครื่องผสมวัตถุดิบ, เครื่องซีลกล่องผลิตภัณฑ์, เครื่องยิงเลเซอร์ วัน เดือน ปี ที่ผลิต ฯลฯ จึงได้ตรวจยึดและอายัดของกลาง ได้แก่
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มผสมคอลลาเจนและวิตามินซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวย์โปรตีนรสช็อกโกแลต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนพืชแกรนด์เดย์ กล่องบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเวย์โปรตีน รสช็อกโกแลต บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเวย์โปรตีน รสช็อกโกแลต กล่องบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแม็กซ์ โปร กรีน ขวดแก้วสีชาสำหรับบรรจุเครื่องดื่มสำเร็จรูป รวมตรวจยึดของกลางจำนวน 12 รายการ จำนวน 72,797 ชิ้น มูลค่ากว่า 2,549,000 บาท
จากการตรวจสอบ พบว่าสถานที่ผลิตดังกล่าวได้รับอนุญาตผลิตอาหารถูกต้องแต่จะผลิตตาม ออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง และส่งสินค้าให้ลูกค้าตามออเดอร์ ในพื้นที่เขตดอนเมืองและกรุงเทพมหานคร ซึ่งลูกค้า
จะเป็นผู้เข้ามารับเอง หรือจัดส่งให้ตามที่ลูกค้าแจ้ง โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี
โดยในการตรวจค้นในครั้งนี้ พบ “ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง แสดงสรรพคุณในฉลากเชิงรักษาโรคว่า “เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาเกิดบาดแผลได้ง่าย แผลเรื้อรัง ผิวหนังแพ้ง่าย ผิวหนังอักเสบ ที่มักพบในผู้สูงอายุ” ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่วนใหญ่ใช้กับผิวกายภายนอก เพื่อความสะอาด สวยงาม แต่งกลิ่นหอม และสามารถปกป้องหรือส่งเสริมให้ร่างกายดูดีขึ้น การแสดงข้อความในลักษณะดังกล่าวจึงเข้าข่ายแสดงฉลากที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
อนึ่งจากการตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 ยี่ห้อ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และมีขายตามท้องตลาด แต่ผลิตภัณฑ์ที่ตรวจยึดในครั้งนี้มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น ฉลากเครื่องสำอางแสดงสรรพคุณในเชิงรักษาโรค ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่แสดงส่วนผสมอาหารเป็นภาษาไทย ไม่แสดงข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร เมื่อนำไปบริโภคอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้
สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด จะต้องส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปตรวจ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเพื่อยืนยันอีกครั้ง หากตรวจพบสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
เบื้องต้นเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน “จำหน่ายอาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากมีข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีส่วนผสมของยาแผนปัจจุบัน หรือมีการผสมสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ จะเป็นความผิด ฐาน “ผลิต/ จำหน่ายอาหารที่ไม่บริสุทธิ์” ตาม พ.ร.บ.อาหาร
พ.ศ. 2522 มาตรา 25(1) โทษตามมาตรา 58 ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เภสัชกร เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สามารถจับกุมผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายได้ในครั้งนี้ จึงขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ต้องมีเลขที่จดแจ้ง และไม่เลือกซื้อเครื่องสำอางที่ฉลากระบุสรรพคุณในเชิงรักษาโรค ในส่วนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ต้องเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ฉลากมีการแสดงเลขสารบบอาหาร แสดงส่วนผสมอาหารเป็นภาษาไทย และแสดงข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร เป็นต้น ขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจำหน่าย โดยสามารถดูได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์หรือที่บรรจุภัณฑ์ ควรซื้อจากร้านค้าที่มีหลักแหล่งแน่นอน กรณีซื้อออนไลน์ให้ซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th และ Line: @FDAThai หากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. และ อย. มีการเฝ้าระวังร่วมกันในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายและไม่ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค และขอฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพมาบริโภค ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่แสดงฉลาก สรรพคุณ ส่วนประกอบ ผู้ผลิตและสถานที่ผลิตที่ครบถ้วน น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้ เพราะฉลากผลิตภัณฑ์เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้ามาบริโภคหากแสดงฉลากไม่ครบถ้วนถูกต้อง อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด เมื่อนำไปบริโภคอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ และขอเน้นย้ำกับผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหลายว่าอย่านำสินค้าที่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายหรือหลอกลวงผู้บริโภคโดยเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ผู้ที่พบเห็นการกระทำความผิดกฎหมายในลักษณะอื่นใด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ.1135 หรือ เพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภคได้ตลอดเวลา