ตามหา เฉิน คนกลางแสบ แลกเงินชาวจีน

View icon 39
วันที่ 10 ม.ค. 2568 | 11.26 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - เหตุที่มีการแจ้งความระหว่างคนจีน ที่ต้องการแลกเงินสดกับเหรียญคริปโตฯ แล้วไม่รู้อีท่าไหน ทะเลาะกันหาว่าอีกฝ่ายโกง ซึ่งต่อมาบางคดีจบด้วยดี แต่บางคดีไม่ได้เป็นแบบนั้น แถมที่ชวนงงหนัก คนกลาง 3 คดี ชื่อ "เฉิน" เหมือนกันอีก สรุปความจริงมันยังไงกันแน่

มีการรับแจ้งเหตุคนร้ายวิ่งราวเงิน 5 ล้านบาท ผู้เสียหายเป็นชาวจีน ที่ต้องการเอาเงินสด ไปแลกซื้อเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นเงินสกุลดิจิทัล ที่ชาวจีนกำลังนิยมซื้อเก็บสะสม ก็มีการซื้อขายกันผ่านคนกลาง แล้วเกิดการทะเลาะกัน เพราะฝ่ายหนึ่งบอกว่าโอนไปแล้ว แต่ฝ่ายที่เอาเงินไปซื้อ บอกไม่เห็นได้เหรียญเลย แล้วก็ถูกอีกฝ่ายกักขังในบ้าน ก่อนจะดิ้นหลุดวิ่งไล่ตามรถไป กระทั่งพอแจ้งความกับตำรวจ ถึงได้ตามสืบจนไปเจอรถกับบ้านของผู้ก่อเหตุที่ย่านสาทร แล้วตามเอาเงินสด 5 ล้านบาทกลับมาได้สำเร็จ

ซึ่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ก็มีอีกเหตุการณ์ เป็นคนจีนเอาเหรียญคริปโตฯ ไปนัดแลกเงิน 8 ล้านบาทกับกลุ่มคนจีน ที่อาคารแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 คนที่เป็นเจ้าของเหรียญ โอนไปให้คนกลางแล้ว แต่คนที่เป็นเจ้าของเงินสดบอกไม่เห็นได้เลย เรื่องก็เลยวุ่นวาย ต้องมาแจ้งความเป็นคดีขึ้นมาอีก

ทีนี้ปัญหาที่เรื่องนี้วุ่นวายขึ้นมา ก็เพราะทั้ง 2 คดี มีคนกลางชื่อ "เฉิน" เป็นคนดำเนินการ แถมในเวลาใกล้ ๆ กันนั้น ก็มีคดีทำนองเดียวกันนี้ แต่เกิดขึ้นที่ สน.มักกะสัน อีกที่หนึ่ง แถมมีคนกลางชื่อ "เฉิน" เหมือนกันอีก เสียหายไปอีก 4.5 ล้านบาท เลยสงสัยกันว่า สรุปแล้วนี่เป็นขบวนการอะไรบางอย่าง หรือเปล่า

ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง สรุปเรื่องนี้ให้ฟังว่า ตอนนี้ตำรวจอายัดเงิน 13 ล้านบาท ที่มีการแจ้งความไว้กับ สน.ห้วยขวาง เป็นของกลางในคดีนี้ก่อน จนกว่าจะทำสำนวนเสร็จ ถึงจะคืนให้ผู้เสียหาย สรุปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ มีนายเฉินเป็นโบรกเกอร์ ทำหน้าที่ดำเนินการซื้อขายแลกเปลี่ยนให้

โดยนายเฉิน เคยดำเนินการแบบนี้ให้ผู้เสียหายทั้ง 2 คดี มาแล้ว โดยเฉพาะเคสเงิน 5 ล้านบาท เคยรับแลกเปลี่ยนมาแล้ว 5 ครั้ง หลักแสนบาท ผู้เสียหายก็เลยไม่คิดว่าจะมีการโกงกันเกิดขึ้น

ส่วนวิธีการ คนขาย จะต้องโอนเงินดิจิทัลเข้าบัญชีของ นายเฉิน ก่อน เพราะจะให้ราคาดี ส่วนคนซื้อ ก็เอาไปทำกำไรต่อได้ คนซื้อและคนขาย ก็เลยไว้ใจนายเฉิน ดังนั้นในการซื้อขายครั้งต่อ ๆ มาตัวเงินถึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาเกิดปัญหาเมื่อวานนี้พร้อม ๆ กัน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบว่านายเฉิน ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่มาเก๊า เมื่อวันที่ 8 มกราคม แล้วใช้การสื่อสารกับฝั่งผู้ก่อเหตุ ผ่านระบบเทเลแกรม

เบื้องต้นได้ประสานข้อมูลกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ รวมถึงจะเร่งรวบรวมหลักฐาน ขอศาลฯ ออกหมายจับนายเฉิน และประสานออกหมายแดง เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

ส่วน สน.มักกะสัน ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าโบรกเกอร์ ชื่อเฉิน เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ นายเฉิน ที่เป็นต้นเหตุในคดีที่เกิดขึ้นใน สน.ห้วยขวาง พูดง่าย ๆ คนละคนกัน เรื่องการสอบปากคำพยาน เมื่อคืนสอบไปหลายปากแล้ว วันนี้ได้นัดให้เจ้าของอาคาร ย่านยานาวา และเจ้าของรถมาให้ปากคำ

คุณศจี ทีมข่าว 7HD ได้คุยกับผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ก็ยอมรับว่า ปัญหาสำคัญในคดีนี้ นอกจากเรื่องการสื่อสารแล้ว อยู่ที่ตัวผู้เสียหายด้วย ที่พอตำรวจจะถามว่า "ได้นำเงินสดมาจากไหน" ก็จะมีคำตอบบ่ายเบี่ยง อ้างว่าไม่รู้บ้างเป็นของเพื่อนบ้าง แล้วพอจะขอดูข้อมูลเชิงลึกไปมากกว่านี้ ก็จะบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเหนื่อยแล้ว จะขอกลับบ้าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง