(11 ม.ค. 68) บรรยากาศงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาลภายใต้ธีม “ ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมวางอนาคต“ เป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ๆ ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประตูจะเปิดตั้งแต่เวลา 08:00 น. - 15:00 น. วันนี้
ไฮไลท์สำคัญวันนี้ คือ เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้นั่งเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรี และเข้าเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ที่ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงจะได้ทดสอบการอ่านข่าวภาคภาษาไทย และภาคภาษาอังกฤษ สวมบทบาท “โฆษกรัฐบาล ..นิวส์จิ๋ว” ที่ห้องแถลงข่าวทำเนียบรัฐบาล ตึกนารีสโมสร
และบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า มีการจำลองสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมาไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำตุ๊กตา “น้องหมูเด้ง” สูง 2.5 เมตร มาให้เด็ก ๆ ได้ถ่ายรูปกันด้วย นอกจากนี้ยังมีบูทกิจกรรมทั้งของภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มาร่วมจัดกิจกรรมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีของรางวัลแจกมากมาย
สำหรับเด็กที่เข้าทำเนียบรัฐบาลคนแรก และก็เป็นคนที่จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนแรก คือ เด็กชายพศุจน์ อายุ 3 ขวบ หรือ น้องพอร์ช มากับคุณแม่ณัฏฐา และคุณพ่อ รวมไปถึงน้องชายวัย 3 เดือน น้องพอตเตอร์มาด้วย ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ก่อนที่จะมาถึงประตูทำเนียบในเวลา 03.30 น. ซึ่งคุณแม่บอกดีใจมาก และปีนี้มาเป็นปีที่ 2 แล้วที่มาทำเนียบฯ ซึ่งปีนี้ตั้งใจเดินทางมา เพราะอยากให้ลูกชายได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมางานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้นอายุ 1 ขวบ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินชมบริเวณที่จัดแสดงโชว์รถโบราณ ซึ่งบริเวณนั้นก็มีผู้ปกครองที่พาเด็ก ๆ มารอที่ จะถ่ายรูปใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯ จะเดินชมบูธต่าง ๆ ของหน่วยงาน ที่นำมาเปิดจัดแสดงภายในพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลพร้อมทักทายกับบรรดาผู้ปกครอง และเด็ก ๆ ที่เดินทางมาในวันนี้
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับเยาวชน "น้องถามพี่ตอบ" โดยนายกรัฐมนตรี เปิดใจหลังเข้ามารับตำแหน่งว่าเหนื่อยหรือไม่ว่า ตนเชื่อว่า ทุกอาชีพทุก ตำแหน่งเหนื่อยคนละแบบ เป็นนายกรัฐมนตรีก็เหนื่อย แต่ก็เหนื่อยปกติที่คนอื่นเขาเหนื่อยกัน อาจจะมีวันหยุดน้อย เพราะหากเราหยุดก็อาจจะโดนว่านิดนึง ไม่ให้หยุด เหมือนกัน การเป็นนายกฯ หยุดเล็กน้อยแต่จริง ๆ แล้ว ไม่เหนื่อย เพราะมีกำลังใจที่ดีมาก เวลาผลงานที่ออกไปเราทำอะไรด้วยความตั้งใจเพราะตั้งใจทำ ได้รับประโยชน์จากตรงนั้นตรงนี้ ก็อิ่มใจฟู ซึ่งตนจะทำเรื่องของทุนการศึกษา หากใครมีโอกาสในการศึกษาเพิ่มขึ้น และพูดว่าด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ตนนั้นหายเหนื่อย
