สาวนางรำกลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทย ประสบอุบัติเหตุรถ จยย.ล้มฟันหน้าเสียหาย เข้าโรงหมอศัลยกรรมฟัน เกิดความผิดพลาด จนเสียชีวิต
วันนี้ (12 ม.ค.68) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักหลังหนึ่งในตำบลทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย หลังได้รับร้องเรียนจากญาติสาวอาชีพนางรำอนาคตไกล ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ล้มเข้าห้องผ่าตัด เพื่อทำศัลยกรรมฟันที่ รพ.เอกชนชื่อดังในเมืองเชียงราย แต่เกิดความผิดพลาด ทำให้คนป่วยขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อไปถึงบ้านพบนางสมบัติ แม่ของ น.ส.เกตุสุดา อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตเป็นลูกสาวคนโต ปัจจุบันมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีลูกสาววัย 9 ขวบ 1 คน ถือเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะส่งเงินมาให้แม่และญาติพี่น้องที่อยู่ทางบ้านทุกเดือน
ล่าสุด น.ส.เกตุสุดา เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.67 และมีกำหนดจะเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 22 ธ.ค.67 แต่ในวันที่ 19 ธ.ค.67 ผู้เสียชีวิตได้ไปดูหลานชายเล่นกีฬาสีที่โรงเรียน และขากลับขณะขี่รถออกมาจากโรงเรียนได้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มใบหน้ากระแทกพื้น ฟันหน้าด้านบนเสียหาย มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย จึงไปเข้ารับการรักษาที่ รพ.ในพื้นที่แห่งหนึ่ง ตอนนั้น น.ส.เกตุสุดายังไม่มีอาการบาดเจ็บหนักอะไร สามารถสื่อสารพูดคุยกับคนอื่นได้ตามปกติ แต่ทางญาติกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อสมอง จึงอยากให้ไปรักษาที่ รพ.เอกชนในเมือง เพื่อเข้ารับการเอกซ์เรย์สมองและผ่าตัดศัลยกรรมฟัน เพราะ น.ส.เกตุสุดา จะมีอาชีพเสริมรับจ้างฟ้อนรำตามงานที่มีคนจ้างในสิงคโปร์
ญาติผู้ตาย เล่าเพิ่มเติมว่า หลังเข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชนในตัวเมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 ก็ไม่พบความผิดปกติทางสมอง แต่สำหรับฟันหน้าบนที่เสียหาย ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อใส่เหล็กเสริมเข้าไป โดยแพทย์ระบุว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.เกตุสุดาก็ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดเวลาประมาณ 22.00 น.ของวันดังกล่าว กระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 21 ธ.ค.67 ทาง รพ.แจ้งว่าเกิดความผิดพลาดระหว่างการรักษา ซึ่งญาติมาทราบทีหลังว่า ก่อนการผ่าตัดมีการใส่ท่ออ็อกซิเจนผิดพลาด ผู้เข้ารับการผ่าตัดไม่มีอากาศหายใจนานประมาณ 5 นาที โดยแฟนของผู้ตายที่บินด่วนมาจากสิงคโปร์มาเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดบอกว่า มีการผิดพลาดก่อนผ่าตัด น.ส.เกตุสุดาจึงยังไม่ฟื้นและต้องเข้าแอดมิทที่ รพ. ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.67 และประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.67
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ รพ.เข้ามาพูดคุยกับทางญาติและยินดีจะจ่ายค่าชดเชยให้กับทางญาติ แต่ต้องให้ญาติส่งเอกสารประมาณการรายได้ของผู้เสียชีวิต เพื่อให้ทาง รพ.นำไปประกอบการพิจารณาจ่ายค่าชดเชย ตอนนี้ทางญาติกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารจากทางครอบครัวที่ประเทศสิงคโปร์ โดยที่ผ่านมา น.ส.เกตุสุดาผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวทุกเดือน เขาทำงานมีรายได้ประจำเดือนละหมื่นบาท แต่รายได้จากการรับจ้างฟ้อนรำในงานต่าง ๆ จะได้มากกว่าเงินเดือนประจำหลายเท่า ซึ่งรายได้ตรงนี้เป็นเงินสดไม่มีสลิปหลักฐานเหมือนงานประจำ ทำให้การรวบรวมเอกสารเป็นไปด้วยความล่าช้า อีกทั้งญาติทุกคนยังอยู่ในอาการเศร้าโศก อยากได้คนกลับมามากกว่า ไม่คาดคิดว่าจากการผ่าตัดเล็ก ๆ จะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของทางครอบครัว เงินชดเชยที่ทาง รพ.จะมอบให้ ถึงจะมากเท่าไหร่ก็คงไม่สามารถจะทดแทนความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้