เช้านี้ที่หมอชิต - ตำรวจเบิกตัว "จ่าเอ็ม" มือสังหาร นายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ออกจากห้องขัง สน.ชนะสงคราม สอบเครียดอีกเป็นวันที่ 2 เอ็มเปิดปากทุกเรื่อง ยกเว้นข้อมูลที่สาวถึงตัวผู้บงการ ยังปิดปากเงียบ
หลังจากทีมจับกุมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัว นายเอกลักษณ์ อายุ 41 ปี หรือ "จ่าเอ็ม" อดีตทหารเรือ ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาดำเนินคดีในไทย ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.ชนะสงคราม
คืนแรกพนักงานสอบสวนคุมตัว "จ่าเอ็ม" ออกจากห้องขังมาสอบปากคำเครียดหลายชั่วโมง โดยผู้ต้องหาให้ความร่วมมือ ยอมเปิดข้อมูลกับทางตำรวจเกือบทั้งหมด
ตั้งแต่ไทม์ไลน์ก่อนและหลังก่อเหตุ แต่สิ่งที่ไม่ยอมปริปากบอกมีเรื่องเดียว คือผู้สั่งการเบื้องหลัง ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นผู้มีพระคุณขอให้ช่วย จึงตัดสินใจรับงานเพื่อตอบแทน
นอกจากนี้ตำรวจยังเร่งขยายผลเรื่องเงินโอนเข้าบัญชี "จ่าเอ็ม" 2 ครั้ง ครั้งละ 30,000 บาท โดยเฉพาะครั้งแรกจำนวน 30,000 บาท ที่อยู่ระหว่างแกะรอยว่ามาจากใคร เพื่อขยายผลหาผู้บงการว่าเป็นคนไทย หรือจากต่างประเทศ
กระทั่งช่วงบ่ายวานนี้ พนักงานสอบสวนคุมตัว "จ่าเอ็ม" ที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น มาสอบปากคำอีกครั้ง แต่เป็นการสอบปากคำเพื่อย้ำบางประเด็นที่ต้องการให้เกิดความชัดเจน
รวมถึงให้ "จ่าเอ็ม" ชี้วิดีโอ และภาพถ่ายเพื่อยืนยันในพฤติการณ์การก่อเหตุ เพื่อให้สอดคล้องกับคำให้การที่รับสารภาพไว้ด้วย เนื่องจาก "จ่าเอ็ม" ไม่ประสงค์ที่จะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยใช้สอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนคุมตัว "จ่าเอ็ม" กลับเข้าห้องขัง และวันนี้จะคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญา
มีรายงานว่า วันนี้ชุดสืบสวนประชุมขยายผล และเร่งตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือ พิสูจน์ทราบตามคำให้การที่ "จ่าเอ็ม" ให้การไว้ โดยเฉพาะข้อมูลผู้มีพระคุณ และผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากคำให้การบางส่วน "จ่าเอ็ม" ยังให้การไม่เป็นประโยชน์ และไม่ตรงกับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน
ส่วนศพนายลิม ตอนนี้ภรรยาผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างประสานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย ให้ทำหนังสือรับรองตัวผู้เสียชีวิต เพื่อมายื่นที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ร่วมกับใบบันทึกประจำวันของ สน.ชนะสงคราม จากนั้นโรงพยาบาลจะมอบหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ภรรยานำไปติดต่อขอใบมรณบัตรที่สำนักงานเขตพระนคร เพื่อมาติดต่อขอรับศพต่อไป คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า และมีรายงานว่า ภรรยาของนายลิม จะนำศพกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่ประเทศฝรั่งเศส
