ร้อง ผบช.น.เอาผิด ตำรวจอุ้มชาวจีนรีดเงิน

View icon 77
วันที่ 13 ม.ค. 2568 | 11.33 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - จากคลิปที่มีหญิงชาวจีนไลฟ์สด แฉว่าตำรวจไทยอุ้มคนจีนไปรีดเงินเกือบ 10 ล้านบาท แล้วยังมีพนักงานสอบสวน รีดเงินค่าทำคดีซ้ำอีก "อัจฉริยะ" ไปยื่นเรื่องให้ ผบช.น. ตรวจสอบแล้ว เรียกร้องให้จับกุมคนผิดมาดำเนินคดีภายใน 3 วัน แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลอีกด้านมาแย้งเหมือกัน

ไลฟ์สดของหญิงชาวคนนี้ ระบุว่า เธอเดินทางมาไทย เมื่อปลายปีที่แล้ว เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มีนกต่อเป็นชาวสิงคโปร์ เรียกให้เธอลงมาพูดคุยธุรกิจกันด้านล่าง ก่อนจะถูกตำรวจไทยอุ้มไปสอบสวนที่ สน.ประเวศ

อันนี้เป็นข้อมูลที่ "นายอัจฉริยะ" ได้มาจากผู้เสียหาย เอามาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจนครบาล ว่ามีนกต่อคนที่ 2 อ้างว่า ผู้เสียหายมาโกงเงินไปแล้วข่มขู่รีดเงินหลักสิบล้านบาท

แต่คุยไปคุยมาผู้เสียหายยอมจ่ายเงินไป 7 ล้านบาท จึงถูกปล่อยตัวกลับ ก่อนที่เธอจะไปแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท และ สน.บางรัก แล้วก็อ้างว่าถูก พนักงานสอบสวน สน.บางรัก เรียกเงินค่าทำคดีไปอีกหลักแสนบาท ทำเอาเธอเจ็บแค้นใจ เลยไลฟ์สดโจมตีประเทศไทย เตือนว่าอย่ามาเลยที่นี่อันตราย

ทีมข่าว 7HD รวบรวมข้อมูลจาก สน.ประเวศ และ สน.บางรัก ได้ข้อมูลที่สอดคล้อง และขัดแย้งกับเรื่องนี้อยู่พอสมควร เริ่มจาก สน.ประเวศ แหล่งข่าวระบุว่า จริง ๆ เรื่องนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจไว้ เลยได้มีการไปเชิญตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก

หญิงคู่กรณีของ "ผู้เสียหาย" ให้ข้อมูลว่าเธอไปรู้จักกับ "ผู้เสียหาย" จากงานสัมมนาชวนชักลงทุนงานหนึ่งที่จัดขึ้นในไทย และเธอก็ลงทุนไปถึงกว่า 30 ล้านบาท แต่เธอไม่สามารถถอนเงินได้ เลยจะแจ้งความดำเนินคดี แต่อีกฝ่ายขู่ว่าถ้าแจ้งความจะไม่ได้เงินคืน แต่พอเธอรู้ว่า "ผู้เสียหาย" พักอยู่ที่โรงแรมในไทย ก็เลยไปแจ้งตำรวจขอให้เชิญมาเจรจาไกล่เกลี่ยร่วมกัน แล้วระหว่างการไกล่เกลี่ย หญิงคนนี้กับผู้เสียหาย ก็ออกไปคุยกันข้างนอกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงพัก แล้วบอกว่า คุยกันได้เรียบร้อย อีกทั้ง "ผู้เสียหาย" เป็นคนบอกไม่ต้องลงบันทึกประจำวัน แต่ขอให้เขียนสัญญาขึ้นมาแทน ซึ่งเรื่องนี้มีการรายงานรายละเอียดทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชาทราบไปตั้งแต่ปีที่แล้ว

ส่วนแหล่งข่าวอีกคน ให้ข้อมูลว่าคดีนี้ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว หลังได้เรียกเอาสำนวนการสอบสวนของ สน.พญาไท มาพิจารณา และได้เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้วในเบื้องต้น ยืนยันข้อเท็จจริงได้คล้าย ๆ กัน มีข้อมูลเพิ่มว่า กรณีที่เกิดขึ้นยังมีคนที่เคยลงทุนจำนวนหนึ่ง ไปร้องทุกข์กับ ตำรวจ บก.ปอท. และเพจฯ สายไหมต้องรอด ให้เอาผิดด้วย

ซึ่งจะฟังความจากตำรวจแบบนี้ ก็เหมือนแก้ต่าง แต่หลักฐานของ นายอัจฉริยะ เอง ก็มีอะไรหลายอย่างที่ส่อให้เห็นว่า อาจมีการแอบเรียกเก็บเงินจาก "ผู้เสียหาย" ฝั่งนายอัจฉริยะ จริง ๆ อยู่ เพราะงั้นก็คงต้องรอทางตำรวจ ว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีการเรียกเก็บเงินจริงหรือไม่ ถ้าจริงจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง