ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจาก ครม. ไฟเขียวเดินหน้าผลักดันร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมีกาสิโนรวมอยู่ด้วยนั้น แม้จะเป็นสัดส่วนแค่ 10% แต่ก็ทำให้มีหลายคนออกมาคัดค้าน ล่าสุดมีกลุ่มคนรณรงค์ล่ารายชื่อไม่เอากาสิโนแล้ว
รณรงค์ล่ารายชื่อค้านไม่เอา กาสิโน
เพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน" ได้แชร์โพสต์รณรงค์แคมเปญรณรงค์ส่งเสียง ไม่เอากาสิโน โดยเปิดช่องทางให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดกาสิโนร่วมลงชื่อคัดค้าน เนื้อหาระบุว่า กาสิโนเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมหลายระดับ การฉ้อโกง ทุจริตคอร์รัปชัน สินบน และธุรกิจผิดกฎหมาย การเปิดกาสิโนเท่ากับอนุญาตให้เปิดโรงฟอกเงินแก่กลุ่มอาชญากรรมและผู้กระทำผิดให้เปลี่ยนเงินสกปรกเป็นเงินสะอาด อันมีส่วนเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจการเงินของไทย โดยเริ่มรณรงค์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ล่าสุดมีคนลงชื่อคัดค้านแล้วทะลุ 20,000 คน
จวกผู้ปกครองชั่ว หนุนเล่นพนัน
หนึ่งในคนที่ร่วมลงชื่อคัดค้านก็คือ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พร้อมเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยไปลงชื่อด้วย นอกจากนี้ยังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ผู้ปกครองที่ชั่วแสนชั่วที่สุดเท่านั้น จึงสนับสนุนให้ประชาชนหลงใหลในอบายมุข คือการพนัน พระปิยมหาราชและพระมหาธีรราชเจ้า ทรงเลิกบ่อนเบี้ยและหวย กข. แม้จะทำให้สูญเสียรายได้มากแค่ไหนก็ตาม พวกนักการเมืองไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากมอมเมาประชาชน หาเงินเข้ากระเป๋า
รุมค้านไม่มีชาติไหนรวย เพราะกาสิโน
ขณะที่คนในแวดวงการเมืองหลายคนก็ออกมาคัดค้านกาสิโน อาทิ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก "ขอคัดค้านกาสิโนไม่มีประเทศไหนรวยเพราะมีบ่อน นอกจากเอาไว้ฟอกเงิน"
ส่วน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ระบุว่า 4 อันดับประเทศที่ติดอันดับความยากจนสูงสุดในอาเซียน คือ เมียนมา ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มีกาสิโน เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่หรูหรา มีมาเฟียทุนเทา ทั้งในและต่างประเทศ เป็นเจ้าของทั้งสิ้น รัฐบาลแต่ละประเทศล้วนอ้างว่าจะได้ประโยชน์ในการลงทุน มีเม็ดเงินเข้าประเทศหลายแสนล้าน เก็บภาษีดูแลเพื่อดูแลคนให้พ้นความยากจน นโยบายเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง คนรวยมีเฉพาะกลุ่มการเมืองในครอบครัวและกลุ่มอิทธิพลที่ใกล้ชิด ประชาชนจนหนักกว่าเดิม
สำรวจประเทศในอาเซียนที่มีกาสิโนผิดกฎหมาย พบว่า ประเทศที่มีกาสิโนมากที่สุด คือ ประเทศกัมพูชา ที่มีประมาณ 150 แห่ง รองลงมา ฟิลิปปินส์ มีประมาณ 20 แห่ง เมียนมา ประมาณ 15 แห่ง เวียดนามประมาณ 7 แห่ง ลาวมีประมาณ 3 แห่ง สิงคโปร์ 2 แห่ง และมาเลเซีย 1 แห่ง ในอาเซียนมีแค่อินโดนีเซีย บรูไน และไทย ที่ยังไม่มีกาสิโน โดยหลายประเทศมีจุดที่เหมือนกันคือมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเป็นหลัก
“เท้ง” ไม่ค้าน “กาสิโน” จี้ รบ.แจงให้ชัด
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน บอกว่า สิ่งที่กังวลใจ คือ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทางสังคม และรัฐบาลอาจจะยังไม่ได้ให้ความชัดเจนมาก คือ ถึงแม้บ่อนการพนันจะมีแค่ 10% จากโครงการทั้งหมด แต่สิ่งที่กังวลคือผลกระทบที่ตามมา ข้อเสนอของเราเคยมีมาตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล คือ ต้องตรวจสอบเรื่องฐานรายได้ แต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันอะไร ประเด็นสำคัญคือเรื่องความโปร่งใสและเงื่อนไขในการให้สัมปทาน ไม่ได้คัดค้านกาสิโน บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมาย
เชื่อว่าถ้าภาครัฐสามารถบริหารได้ดีก็แก้ไขปัญหาสังคมได้ส่วนหนึ่ง สิ่งที่อยากได้ความชัดเจน คือ มาตรการป้องกันปัญหาสังคมและความโปร่งใสในการให้สัมปทาน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้สังคมเห็นได้ว่าตกลงสิ่งที่รัฐบาลต้องการดำเนินการนี้ทำเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม หรือทำเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรมากกว่านั้น
รัฐบาลแจงคุมเข้ม “กาสิโน” ป้องจีนเทา คาดเริ่มปี 72
ขณะมุมฝั่งรัฐบาล นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวชี้แจงกรณีที่มีประชาชนส่วนหนึ่งออกมาคัดค้านว่า ปัจจุบันมีคนไทยออกไปเล่นการพนันตามประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เงินเหล่านี้หลุดออกไปนอกระบบ แต่ถ้าไทยมีสถานบันเทิงครบวงจรจะดึงเม็ดเงินเหล่านี้กลับมายังประเทศไทยได้ และมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยกตัวอย่าง ประเทศสิงคโปร์ที่นำเงินจากการเก็บค่าใบอนุญาต เพื่อมาเป็นรางวัลนำจับในการพนันผิดกฎหมายได้ นอกจากเป็นรางวัลนำจับแล้ว ยังตั้งโครงการบำบัดการติดพนันด้วย ส่วนตัวเข้าใจว่าสังคมมีข้อกังวล รัฐบาลจึงต้องดึงบริษัทผู้ประกอบการระดับโลก ที่มีประสบการณ์ และสามารถบริหารจัดการการฟอกเงิน และบริหารหนี้ติดการพนันได้
ส่วนมาตรการการป้องกันกลุ่มจีนสีเทาจะมีมาตรการตั้งแต่การขออนุมัติ มีการจัดตั้งสำนักงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ซึ่งบริษัทต่าง ๆ จะต้องยื่นแผนประกอบการลงทุน ระบุรายละเอียดผู้ถือหุ้นเป็นใคร ขณะนี้ถือว่าเรื่องนี้ทุกพรรคให้การสนับสนุน
ส่วนสถานที่ตั้งนั้น กรรมาธิการเคยศึกษาเบื้องต้นว่าควรจะอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติ และมีการคมนาคมขนส่งที่พร้อม และสถานที่เที่ยวอื่น รวมทั้งผู้ประกอบการต้องการที่ใด โดยสำนักงานจะต้องมีการศึกษาอีกครั้ง
นายศึกษิษฏ์ บอกว่า เรื่องนี้ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นทางการเมืองมากเกินไป แต่อยากให้มองเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่า หากใครไม่อยากให้คนในครอบครัวเข้ามา ก็ส่งรายชื่อให้เป็น Negative list ได้ ส่วนการกำหนดค่าเข้า 5,000 บาทนั้น เป็นเพียงเพดาน อาจต่ำกว่านี้ได้ ต้องรอดูผลการศึกษา ส่วนราคาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสำนักงานที่จัดตั้งเป็นผู้พิจารณา
“สมคิด” แจง “กาสิโน” ไม่ใช่บ่อนเสรี ลั่นมีข้อดีแน่
ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการล่ารายชื่อคัดค้านว่า อย่าไปโยงว่าเป็นเรื่องของบ่อนเสรี การทำเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เรื่องบ่อนอย่างเดียว โครงการนี้มีกาสิโนแค่ 10% เท่านั้น แต่โดยรวมแล้วเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อยากให้ทุกพรรคการเมืองของรัฐบาลเข้าใจตรงกัน อยากให้พูดกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ต้องอ้างว่าเมืองไทยเมืองพุทธ อยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริงว่าคนไทยเล่นการพนันจำนวนมาก ทำอย่างไรให้การพนันเหล่านั้นควบคุมได้โดยรัฐ และเสียภาษีให้รัฐ รับรองว่าเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีจุดดีมากกว่าแน่นอน และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่บานปลายจนเกิดม็อบขับไล่รัฐบาล เราก็พร้อมรับฟังคนคัดค้าน