"จูเนียร์" เหยื่อคดี "ติ๊ก ชิโร่" เมาแล้วขับ เสียชีวิตเพิ่ม พ่อรับศพบ่ายนี้ วอน "ติ๊ก ชิโร่" ทบทวนการเยียวยา เพราะนอกจากค่าจัดงานศพและค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาแม้แต่บาทเดียว
19 มกราคม 2568 จากกรณีที่นายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ อายุ 63 ปี ศิลปินนักร้องชื่อดัง ขับรถตู้ชนรถจักรยานยนต์ ทำให้นางสาวเทียนพร ศิวพรพิทักษ์ หรือเมจิ อายุ 28 ปีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนายจักรภัทร ศิวพรพิทักษ์ หรือ จูเนียร์ อายุ 21 ปี น้องชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมปีที่แล้ว ล่าสุด นางจักรภัทร หรือ จูเนียร์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังรักษาตัวมานานกว่า 3 เดือน
ล่าสุดนายจีรวัฒน์ ศิวพรพิทักษ์ อายุ 57 ปี พ่อของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปติดต่อขอรับศพลูกชายที่โรงพยาบาลแล้ว พร้อมเปิดใจว่า น้องจูเนียร์ อาการสาหัสนอนโรงพยาบาลอยู่นานกว่า 70 วัน และเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปีที่แล้ว และไปพักที่ศูนย์พักฟื้นจนถึงเมื่อวานนี้ เบื้องต้นทราบว่าติดเชื้อในปอด ส่วนก่อนหน้านี้น้องก็ยังไม่ได้สติ ต้องเจาะคอ ให้อาหารทางสะดือ และใส่สวนปัสสาวะอยู่
ส่วนคุณติ๊ก ระหว่างที่น้องจูเนียร์รักษาตัวที่โรงพยาบาล ติ๊ก ชิโร่เคยมาเยี่ยม 3 ครั้ง และเคยช่วยเหลือเงินเป็นค่างานศพตอนที่ลูกสาวคนโตเสียชีวิต 170,000 บาท และค่าใช้จ่ายที่ศูนย์พักฟื้นของน้องจูเนียร์ แต่ส่วนของเงินชดเชยเยียวยานั้นยังไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว เคยคุยกันครั้งนึงช่วยปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ครอบครัวเคยเรียกร้องเงินไปจำนวนหนึ่ง คุณติ๊กก็บอกว่ารับรู้รับทราบ จะกลับไปพิจารณาแล้วจะแจ้งกลับมา แต่ผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ยังไม่มีการตอบอะไรมา ทางครอบครัวพยายามติดต่อไปเป็นระยะๆ แต่หลังพูดคุยกับมักจะเงียบหายไปตลอด
จนเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ทางตำรวจแจ้งว่าจะต้องส่งสำนวนให้อัยการแล้ว แต่ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะคุณติ๊กไม่มาเจรจา ส่งแต่น้องสาวเป็นตัวแทนมา โดยยื่นข้อเสนอเป็นที่ดินผืนหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ที่อ้างว่าหากขายได้จะมีมูลค่าประมาณ 4-5 ล้านบาท โดยเมื่อขายได้จะนำเงินมาชดใช้ให้ แต่ไม่รู้จะขายได้เมื่อไหร่ ซึ่งหากทางตนเองไม่อยากรอเงิน ก็จะโอนที่ดินให้ แต่ตนเองไม่ตกลง เพราะเมื่อขอรายละเอียดโฉนดที่ดินไป ก็เงียบหาย ไม่ส่งให้ จึงไม่แน่ใจในราคาประเมินที่ดินดังกล่าว ว่าจะได้ราคานี้จริงหรือไม่ หรือจะขายได้เมื่อไหร่
พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาเป็นความพยายามพูดคุยเยียวยาในส่วนของลูกคนโต แต่เมื่อลูกคนเล็กของตนเองเสียชีวิต ก็อยากให้คุณติ๊กกลับไปทบทวนเรื่องของการเยียวยาด้วย และยอมรับว่ากังวลว่าอาจจะไม่ได้รับเงินเยียวยาอย่างเหมาะสม เพราะที่ผ่านมาสิ่งที่คุณติ๊กพูดและกระทำย้อนแย้งกันเสมอ ที่เคยบอกว่ายินดีรับผิดชอบดูแลทุกอย่าง สังคมก็รับทราบ แต่พอความจริงกลับไม่ค่อยมี ต้องคอยทวงถาม ไม่เช่นนั้นก็เงียบ และยังมีความพยายามไปร้องขอความเป็นธรรม ให้เป็นคดีประมาทร่วมด้วย ยังดีที่ทางตำรวจเห็นว่าลูกๆ ตนเองไม่ได้ประมาท แต่คุณติ๊กประมาทฝ่ายเดียว ซึ่งตนเองก็พอใจความเห็นของตำรวจ ส่วนงานศพหากอีกฝ่ายจะมาร่วมตนเองก็ยินดี
หลังจากนั้นนายจีรวัฒน์ ก็ได้ไปร้องทุกข์กับเพจสายไหมต้องรอด เพราะอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกที่เสียชีวิตไปทั้ง 2 คน อยากให้คุณติ๊ก มาพูดคุยและเจรจากันว่าจะเอาอย่างไรดี ตนเองเสียลูกคนแรกไปก็เสียใจมากพออยู่แล้ว ต้องมาเสียลูกคนที่ 2 อีก
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจฯ สายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ได้ประสานพันตำรวจเอกนเรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาวแล้ว ได้รับแจ้งว่า ก่อนหน้านี้เตรียมจะส่งฟ้องคุณติ๊กต่ออัยการแล้ว แต่เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม พนักงานสอบสวนจึงต้องขอผลนิติเวชการเสียชีวิต และสอบถามครอบครัวว่าต้องการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมจากครั้งก่อนหรือไม่ หากต้องการ ก็จะเชิญคู่กรณีมาเจรจาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงจะดำเนินการสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่ออัยการ ซึ่งเบื้องต้นก็เป็นข้อหาเกี่ยวกับการขับรถโดยประมาทและเมาแล้วขับเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้การเยียวยาเป็นเหตุบรรเทาโทษอยู่แล้ว จึงอยากให้มาพูดคุยกัน