ห้องข่าวภาคเที่ยง - 06.09 น. โพสต์ล่าสุดของ "แสตมป์ อภิวัชร์" นักร้องชื่อดัง ออกมายอมรับเรื่องที่เคยนอกใจภรรยา และขอโทษคนในวงการดนตรี รวมถึงคนรอบตัวที่ทำให้เดือดร้อน ไปดูกันหน่อยว่า จากโพสต์นี้ส่งผลอย่างไรต่อไป
สิ่งที่ "แสตมป์" ออกมาเคลื่อนไหวโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเช้า ในโพสต์ยอมรับว่า ที่พูดไปบนเวทีเมื่อวันที่ 15 มกราคม พูดไม่ครบทุกประเด็น ปัญหาแท้จริงคือการนอกใจภรรยาตนเอง แล้วทำให้คนรอบตัวเดือดร้อนกันไปหมด
พร้อมบอกว่าเจตนาแท้จริง คือต้องการส่งสารไปถึงคนจำนวนหนึ่ง ให้รู้ว่าภรรยาของแสตมป์ กำลังเดือดร้อน และประเด็นที่มีข้อเท็จจริงถูกบิดเบือน โดยคิดไม่ถึงว่าจะมีคนขุดคุ้ยออกมาเปิดเผยว่า ใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ส่วนเรื่องถูกคุกคาม และข่มขู่ด้วยคดีทางการเมือง "แสตมป์" ยังยืนยันว่า เคยเกิดขึ้นจริง แต่ปัจจุบันได้หยุดลงแล้ว และที่ออกมาเล่าเรื่องเหล่านี้ ก็เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ มาคุ้มครองดูแล
หลายคนสงสัยว่าที่ออกมาโพสต์แบบนี้ เพราะ ทนายนิด้า แนะนำหรือเปล่า ก็มีคนเข้าไปถามทนายนิด้า ซึ่งก็ยืนยันว่า ไม่ได้แนะนำ เพิ่งจะมาเห็นโพสต์นี้พร้อม ๆ กับทุกคน
ส่วนเรื่องหลักฐานในแช็ต บอกได้แค่ว่า ข้อความนั้นไม่เป็นความผิดอะไร แค่เพียงพูดถึงก็เอามาเป็นประเด็น
ส่วน "ทนายเดชา" ที่รับดูแลคดีให้ฝั่งคู่กรณีก็บอกว่า อ่านจากโพสต์แล้วเหมือนจะขอโทษ แต่ก็ไม่ใช่การขอโทษ เป็นการให้การภาคเสธ ปกปิดข้อมูล บิดเบือนคำพิพากษา และไม่พูดความจริง ไว้เดี๋ยวช่วงบ่ายวันนี้ได้คุยกันกับลูกความแล้ว จะดำเนินการอย่างไรต่อ เดี๋ยวอัพเดตกันอีกที
อีกคนที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็คือ "ป้อง" ที่ออกมาแฉแช็ตข้อความของ "แสตมป์" ก็โพสต์ข้อความถัดจาก "แสตมป์" ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เริ่มจากการขอโทษที่ต้องโพสต์ไปแบบนั้น ได้พยายามติดต่อทั้ง แสตมป์ และภรรยาแล้ว แต่ไม่เห็นว่าออกมาให้ข้อมูล หรือแก้ไขอะไร จึงต้องโพสต์ไป เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ ใครจะมองว่าตนเองเป็นเพื่อนที่ไม่ดีก็พร้อมยอมรับ ยังยืนยันว่า รัก "แสตมป์" เหมือนเดิม และดีใจที่เห็นเพื่อนกลับไปรักกับภรรยา ถ้าจบเรื่องแล้วหายโกรธ ค่อยกลับมายืนร้องเพลงด้วยกันซักครั้ง
สอบถามเพื่อขอความรู้ทางกฎหมายว่า หากใครเจอเรื่องของการยัดข้อหาแบบที่ "แสตมป์" อ้างควรทำอย่างไร ก็ได้ความเห็นว่า จริง ๆ แล้วต้องดูก่อนว่า คนที่ขู่ว่าจะยัดคดีเป็นใคร มีอำนาจหน้าที่อย่างไรหรือไม่ มีการแจ้งความแล้วหรือเปล่า? ถ้าเป็นการพูดขู่กันเฉย ๆ ก็จะเข้าข่ายเป็นการ "ข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว" และก็อาจเข้าข่ายความผิดได้อีกหลายข้อหา ซึ่งผู้ที่ถูกข่มขู่สามารถแจ้งความเอาผิดได้