ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เริ่มเอาจริงเรื่องการขึ้นกำแพงภาษี ตั้งแต่วันแรก ๆ ของการทำงาน แม้ว่าในวันสาบานตนจะยังไม่มีการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในประเด็นเหล่านี้ แต่วานนี้ (21 ม.ค.) ทรัมป์เปิดแถลงข่าวระบุว่า ทีมงานของเขากำลังมีการหารือกันเพื่อปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน, แคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป
โดยคาดว่าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีน 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลจากการลักลอบขนยา "เฟนทานิล" (Fentanyl) จากจีนไปยังสหรัฐฯ ผ่านทางเม็กซิโก และแคนาดา ขณะเดียวกัน ก็ขู่จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าแคนาดา-เม็กซิโก 25 เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่ว่าทั้งสองประเทศจะมีมาตรการปราบปรามการค้ามนุษย์ผู้อพยพผิดกฎหมาย และการทะลักเข้ามาของ "เฟนทานิล" นอกจากนี้ "ทรัมป์" ยังพิจารณาจะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าสหภาพยุโรปด้วย โดยระบุว่า สหภาพยุโรปทำตัวแย่กับสหรัฐฯ มาก ๆ ดังนั้นการขึ้นภาษีจึงเป็นเรื่องยุติธรรมแล้ว
ขณะเดียวกัน หลายหน่วยงานเริ่มขานรับคำสั่งของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว โดยทางการรัฐเท็กซัสทำการวางทุ่นลอยน้ำกลางแม่น้ำรีโอแกรนด์ (Rio Grande) ในฝั่งเขตแดนของสหรัฐฯ ที่ติดต่อกับเมืองเปียดราส เนกราส (Piedras Negras) ทางตอนเหนือของเม็กซิโก ซึ่งทุ่นลอยน้ำดังกล่าวมีความยาวอย่างน้อย 1 กิโลเมตร หลังจากวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณพรมแดนติดกับเม็กซิโก
ส่วนความเคลื่อนไหวของความพยายามในการเปลี่ยนชื่อ "อ่าวเม็กซิโก" เป็น "อ่าวอเมริกา" ล่าสุดวานนี้ หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ได้ใช้คำว่า "อ่าวอเมริกา" แทนคำว่า "อ่าวเม็กซิโก" ในประกาศอย่างเป็นทางการของหน่วยงานฯ แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทรัมป์จะสั่งการให้สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) เปลี่ยนชื่อเรียกนี้ได้โดยตรง แต่ชื่อนี้ก็ไม่น่าจะได้รับการรับรองจากนานาชาติ
ส่วนในประเด็น "ติ๊กตอก" (TikTok) ที่ในวันสาบานตน ทรัมป์ลงนามขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการแบน "ติ๊กตอก" ออกไป 75 วัน ล่าสุด ทรัมป์ระบุว่า เขาจะเปิดทางให้ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีเจ้าของ "สเปซเอ็กซ์" (SpaceX), แพลตฟอร์ตโซเชียลมีเดีย "เอ็กซ์" (X) และซีอีโอของ "เทสลา" (Tesla) สามารถซื้อ "ติ๊กตอก" หาก อีลอน มัสก์ ต้องการ