ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตปล่อยชั่วคราว คนขับเก๋งหัวร้อนไล่เฉี่ยวไรเดอร์ ตีราคา 6 แสนบาท กำหนดเงื่อนไขติดกำไล EM ห้ามออกนอกประเทศ หลังตำรวจลุมพินีหิ้วฝากขัง
วันนี้ (22 ม.ค.68) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ร.ต.ท.หญิง ศิธากาญฐ์ นันทาทอง นำนายเสรี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีขับรถเก๋งชนไรเดอร์ส่งอาหารเสียชีวิต วานนี้ (22 ม.ค.) มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเสรี ผู้ต้องหา ได้ขับขี่รถยนต์สีบรอนซ์ทอง และเกิดมีปัญหาทะเลาะวิวาทกับนายฤทธิศักดิ์ หนุ่มไรเดอร์ ผู้ตาย ซึ่งขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จากบริเวณแยกอโศก ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า หลังจากนั้น นายฤทธิศักดิ์ ได้ขับขี่จักรยานยนต์ออกมาจากบริเวณดังกล่าว โดยมีผู้ต้องหาขับขี่ตามกันมา เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ผู้ตายได้เปลี่ยนช่องทางเดินรถเข้ามายังช่องทางซ้าย ขณะที่ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนช่องทางเข้ามาเพื่อไล่เฉี่ยวชนรถจักรยายนต์ของผู้ตายเสียหลักล้มลง และผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าแยกนานา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.นริศ โปร่งแสง รอง สว.จร.สน.ลุมพินี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าว จนทราบถึงตำหนิรูปพรรณรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ และได้แจ้งให้ ร.ต.ท.นันทธวัฒน์ นุริตานนท์ รอง สว.จร.สน.ลุมพินี และ ด.ต.วรพล เสมาฉิม ผบ.หมู่(จร.) สน.ลุมพินี ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณไฟในแยกนานา ได้สังเกตและตรวจสอบพบรถคันดังกล่าวที่มาถึงแยกนานา จึงได้เรียกให้หยุดรถ และขอตรวจสอบผู้ขับขี่ ทราบชื่อคือ นายเสรี ตรวจสอบในรถยนต์ไม่พบ ผู้อื่นโดยสารอยู่อีก และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายอื่น ๆ จึงได้ควบคุมตัวไว้สอบถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวและเฉี่ยวชนผู้ตายตามวัน เวลา ที่เกิดเหตุจริง
จากนั้น ร.ต.อ.แมนมิตร โม่งแสวง รอง สว.จร.สนลุมพินี ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างผู้ตายเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่ถูกผู้ต้องหาเฉี่ยวชน นอนนิ่งอยู่บริเวณทางเดินเท้า สภาพร่างกายหักผิดรูป จึงได้แจ้งประสานกู้ชีพให้มายังที่เกิดเหตุ และต่อมาทราบว่า ผู้ตายถึงแก่ความตายในบริเวณที่เกิดเหตุ
จากการสอบถามพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาและผู้ตายได้มีปากเสียงกันบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ถนนสุขุมวิทขาเข้า และมีการขับขี่รถไล่ตามกันมาจนถึงที่เกิดเหตุดังกล่าว พฤติการณ์ดังกล่าวมิใช่เหตุขับรถเฉี่ยวชนกันตามปกติ โดยจากพฤติการณ์เห็นได้ว่าผู้ต้องหามีเจตนาขับขี่รถไล่เฉี่ยวชนผู้ตาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" จากนั้นได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ไว้เป็นของกลาง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น ขณะเกิดเหตุนั้น ผู้ต้องหาขับรถไล่ตามผู้ตาย ลักษณะใช้ความเร็วสูงไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่น ซึ่งระหว่างนั้นมีประชาชนทั่วไปใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวอาจเกิดอันตรายแก่ผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่า "ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" เหตุเกิดที่ถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้า ระหว่างซอยสุขุมวิท 30 ถึงบริเวณซอยสุขุมวิท 8 แขวงคลองเตย เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และ ขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 มีอัตราโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปี, พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ ) พ.ศ.2565 มาตรา43(8) อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การ "ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา"
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากรผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลาง และอื่น ๆ ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ถึง 2 ก.พ.68 ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวผู้ต้องหาจะหลบหนี ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาโดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนให้ผู้ต้องหาติดกำไล EM และห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากศาล