ระแวงเมียมีกิ๊ก ผัวหาเรื่องทะเลาะบ่อย เมียสุดทนขอเลิก ถูกฝ่ายชายใช้สากกะเบือฟาด ฝ่ายหญิงคว้ามีดแทงสวนถูกอวัยวะสำคัญ เสียชีวิตคาหอพัก
วันนี้ (23 ม.ค.68) พ.ต.ท.สุวัฒน์ โพธิ์รี สว.สอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต รับแจ้งมีเหตุแทงกันตายในหอพักไม่มีชื่อ ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวิชา ชั้นงาม รรท.ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นหอพักสูง 4 ชั้น ห้องที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 4 ภายในห้องพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือนายมนัส อายุ 32 ปี มีบาดแผลถูกอาวุธมีดแทงเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แผล คมมีดถูกอวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้เสียชีวิต ภายในห้องยังพบร่องรอยการต่อสู้ รอยเลือดเปื้อนทั่วห้อง โดยที่กลางห้องยังพบคอกเลี้ยงเด็กตั้งอยู่ มีน.ส.อรชร อายุ 27 ปี ภรรยา ซึ่งเสื้อผ้าเปื้อนเลือดยังอยู่ในอาการตกใจยืนรอตำรวจพร้อมกับเด็กหญิงวัย 8 เดือน ซึ่งเป็นลูกสาว
น.ส.อรชร เปิดเผยว่า ตนและผู้ตายเป็นสามีภรรยากัน มีลูกด้วยกัน 1 คน ช่วงแรกที่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่มีอะไร แต่ระยะหลังเริ่มทะเลาะระหองระแหงกันบ่อยครั้ง โดยฝ่ายสามีหาว่าตนเองมีชู้ และเวลาหึงก็จะชวนทะเลาะ โดยเย็นวันนี้ก็เหมือนกันสามีหาว่า ตนมีกิ๊ก ตนจึงบอกไปว่าถ้าไม่เชื่อใจกันต่างคนก็ต่างอยู่ เมื่อตนเดินออกมาจากห้องฝ่ายสามีก็กระชากคอเสื้อตน และบอกว่ามึงจะไปอยู่กับมันหรอ จากนั้นตนเองก็บอกไปว่าถ้าพูดแบบนี้ก็เลิก ๆ กันไปเถอะ ยิ่งทำให้สามีเกิดโมโหหนักใช้สากกะเบือมาทุบตีตน 2-3 ครั้ง จากนั้นลูกก็ร้องไห้ตนจะไปอุ้มลูก สามีก็ถีบตนจนล้มและใช้สากกะเบือมาตีตนอีก ตนจึงคว้ามีดทำครัวที่วางอยู่บนตะกร้าพริกกระเทียมใกล้มือแทงไป 1 ครั้ง ทำให้สามีล้มลง ส่วนตนก็รอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ ผู้พักอาศัยในหอพักเดียวกัน บอกว่า สามีภรรยาคู่นี้มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ ที่ผ่านมาเคยทะเลาะกันบริเวณทางออกหอพัก จนผู้ดูแลหอขอให้ไปหาที่พักแห่งใหม่ แต่ก็ยังไม่ทันย้ายออกก็เกิดเรื่องขึ้นถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต
ด้าน พ.ต.อ.สุวิชา เปิดเผยว่า ได้ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และให้เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด จากนั้นนำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนผู้เสียชีวิตให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป