ปปง. ถอนอายัดทรัพย์ 29 ล้าน คดีดิไอคอนกรุ๊ป ชี้ มีหลักฐานชี้แจง ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้จากกระทำผิด พร้อมยึดอายัดทรัพย์ "ทนายตั้ม" 71 ล้านบาท และมีมติขอศาลสั่งนำทรัพย์คืนผู้เสียหายหุ้น STARK ดำเนินการประกาศชื่อบุคคลเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังบัญชีม้า 7.2 หมื่นกว่าชื่อ มีเงินในบัญชี 2,036 ล้านบาท
วันนี้ (23 ม.ค.68) นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ ในช่วงเดือน ธ.ค.67- ม.ค.68 โดยคณะกรรมการธุรกรรม มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 3 รายการ รายคดี นายษิทรา กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน มีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดทรัพย์เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาท (คำสั่ง ย.243/2567)
และมีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ในรายคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด กับพวก ตามคำสั่งที่ ย.214/2567, ย. 222/2567, ย.223/2567, ย.224/2567 และ ย.225/2567 รวมจำนวน 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการ ไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
นอกจากนี้ ยังมีมติส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย) จำนวน 8 รายคดี รวมมูลค่ากว่า 3,400 ล้านบาท โดยมีข้อมูลการดำเนินการกับทรัพย์สินที่น่าสนใจ ดังนี้ รายคดี น.ส.รัชญา กับพวก ซึ่งเป็นการดำเนินการกับทรัพย์สิน จำนวน 303 รายการ เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 70 ล้านบาท (คำสั่ง ย.142/2567)
รายคดีหุ้น STARK โดยนายชนินทร์ กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการยักยอกฯ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งการดำเนินการกับทรัพย์สินในกรณีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง โดยสำนักงาน ปปง. รวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิฯ เสร็จสิ้นแล้ว และคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายกว่า 3,900 ราย) ซึ่งเป็นการดำเนินการกับทรัพย์สิน จำนวน 50 รายการ เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 3,244 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 222/2566 และ ย. 32/67)
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ประกาศรายชื่อบุคคลเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง เพื่อจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาบัญชีม้าและอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 72,031 รายชื่อ ส่งผลให้สามารถจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของบัญชีที่เกี่ยวข้อง 680,186 บัญชี ป้องกันการนำบัญชีดังกล่าวไปใช้หลอกลวงหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ปัจจุบันมีเงินคงเหลือในบัญชีที่ถูกจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งสิ้น 2,036,534,545.29 บาท