เจาะประเด็นข่าว 7HD - การตามหาตัวเด็ก อย่าง "น้องอัษ" ที่หายตัวไปนานกว่า 5 ปี ก่อนตามพบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีขั้นตอนที่น่าสนใจ ไปเจาะลึกเรื่องนี้ และเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองทุกคน
เป็นครั้งแรกที่พบหน้าลูก หลังไม่เจอกันนาน 5 ปี เจอกันอีกทีลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว ใครที่ได้เห็นก็รับรู้ได้ถึงความประทับใจ ภาพนี้เกิดขึ้นหลังตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา เข้ารับตัว "น้องอัษ" ที่ฟาร์มเพาะสุนัขแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์
ทีมข่าวลงพื้นที่ 7HD ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังเดิมของ "น้องอัษ" ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 ก่อนเข้าพูดคุยกับชาวบ้าน ทราบว่าส่วนใหญ่จำ "น้องอัษ" ได้เลือนลาง แต่ก็มีชาวบ้านบางท่านจำยังได้ว่า "น้องอัษ" มีความบกพร่องด้านความจำ ถึงขนาดบอกไม่ได้ว่าบ้านตนเองอยู่ที่ไหน พ่อและแม่ชื่ออะไร ทำให้ตำรวจต้องพาตัวกลับมาส่งที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่แม่แท้ ๆ มีเหตุต้องย้ายออกจากห้องพัก ชาวบ้านที่ทราบเรื่องจาก คุณพิธพงษ์ ต่างตกใจ หลังเพ่งดูรูปถ่าย "น้องอัษ" เพราะนอกจากสภาพภายนอกที่เปลี่ยนไป ทุกคนยังคิดว่าน้องกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตำรวจบอกว่าความยากของคดีนี้ คือ ขณะน้องออกจากบ้านไปไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ติดตัว ประกอบกับมีความบกพร่องด้านความจำ จึงทำให้การติดตามตัวเป็นไปได้ยาก แต่สิ่งเดียวที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่และทีมงานตามตัวจนเจอคือ ระบบแจ้งเตือนของเครือข่าย ที่ตำรวจและมูลนิธิฯ ได้วางไว้ ทำให้ทราบพิกัดคร่าว ๆ ว่า น้องอยู่ที่ใด ทีมงานจึงตัดสินใจส่งเจ้าหน้าที่ไปฝังตัวนาน 2-3 วัน จึงพิสูจน์ได้ว่าเป็น "น้องอัษ" จริง
แม้แต่เจ้าของฟาร์มสุนัขที่ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ผู้รับเลี้ยง "น้องอัษ" ก็ไม่ทราบชื่อจริง แต่เคราะห์ดีที่ความทรงจำ "น้องอัษ" ยังกลับมาได้เกือบทั้งหมด เพราะช่วง 3 ปี ที่น้องหายตัวไปต้องใช้ชีวิตลำบากมาก กระทั่ง 2 ปีสุดท้าย ได้มาอยู่กับเจ้าของฟาร์มสุนัข ก่อนเจ้าของฟาร์มจะเห็นว่าน้องเข้ากับสุนัขได้ดี จึงให้ช่วยดูแลสุนัขมาจนถึงปัจจุบัน
จากคดี "น้องอัษ" มูลนิธิฯ จะนำมาเป็นกรณีศึกษา พร้อมแนะนำผู้ปกครองทุกคนใส่ใจเก็บข้อมูลของบุตรหลานให้ได้ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การตามหาตัวเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น