ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เร่งขอศาลออกหมายจับ 2 คนร้าย อุกอาจใช้หมวกกันน็อกทุบหัว "หมอเสริมความงาม" กลางกรุง ขณะที่ร้านอาหารใกล้เคียงเปิดเผยว่าเจ้าของร้านก็เคยถูกทำร้าย อ้างผิดตัว
วันนี้ ( 27 ม.ค.68) หลังเกิดเหตุคนร้ายทำร้ายร่างกาย นายแพทย์ชเนษฎ์ อายุ 37 ปี เจ้าของคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยสีลม 3 เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินออกจากคลินิก และพบว่าถัดจากคลินิกไปประมาณ 20 เมตร เป็นร้านอาหารไทย ซึ่งนายแพทย์ชเนษฐ์ มักจะไปรับประทานอยู่เป็นประจำ และเจ้าของร้านนี้ ก็เคยถูกคนร้ายเข้ามาทำร้ายลักษณะเดียวกัน เมื่อกลางปี 2567 โดยครั้งนั้นคนร้ายอ้างว่าทำร้ายผิดตัว
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พูดคุยกับพนักงานร้านอาหาร เล่าว่า มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาทำร้านเจ้าของร้าน โดยทำทีขี่รถผ่านหน้าร้าน ก่อนจะวนกลับมา ทำร้ายชกต่อยเจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้หญิง แต่มีรูปพรรณรูปร่าง ทรงผมสั้น ผิวขาว แต่ตัวเล็กกว่านายแพทย์ชเนษฐ์เล็กน้อย ทำให้เจ้าของร้านตกใจรีบวิ่งกลับเข้าในร้าน และถูกคนร้ายอีกคนขว้างขวดเบียร์ใส่ พนักงานในร้านจึงวิ่งจะเข้าไปจับคนร้าย แต่คนร้ายก็ทำท่าเหมือนจะชักอาวุธออกมา จึงปล่อยคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์หนีไป
ทั้งนี้เจ้าของร้านไม่เคยมีญหากับใคร เป็นคนอัธยาศัยดี และทุกคนที่ร้านก็สับสนว่าเหตุใดจึงเข้ามาทำร้าย ซึ่งต่อมาตำรวจก็จับกุมคนร้าย 2 คนนี้ได้ ทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่าเป็นการทำร้ายผิดตัว ตั้งใจจะมาทำร้าย "คุณหมอ" แตไม่ได้บอกชื่อ ซึ่งตอนนั้นเจ้าของร้านก็ไม่รู้ว่าหมอคนไหน แต่สุดท้ายเมื่อขึ้นศาล คนร้ายกลับคำให้การ อ้างว่าจะมาทำร้ายลูกค้า แต่ในเวลาที่เกิดเหตุตอนนั้น ไม่ได้มีลูกค้าอยู่สักคน
จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ที่นายแพทย์ชเนษฐ์ถูกทำร้าย จึงเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกัน เพราะร้านอาหารอยู่ใกล้กับคลินิก และรูปพรรณเจ้าของร้านกับนายแพทย์ชเนษฐ์ก็คล้ายๆ กัน อย่างไรก็ตามคนร้ายที่ทำร้ายเจ้าของร้านตัวเล็กกว่าคนร้ายที่ทำร้ายนายแพทย์ชเนษฐ์ เป็นคนละคนกัน
ด้าน พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่าขณะนี้สามารถพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายทั้ง 2 คนที่ทำร้ายร่างกายหมอได้แล้ว และได้ให้พนักงานสอบสวนไปขอศาลออกหมายจับแล้ว ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และคาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ ส่วนปมเหตุการทำร้ายร่างกายครั้งนี้นั้น เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นความขัดแย้งทางธุรกิจ และส่วนตัว แต่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
