แม่ใจสลาย! เด็กหญิง ม.2 โรงเรียนดัง จ.กำแพงเพชร โดนเพื่อนนักเรียนชาย-รุ่นน้อง-รุ่นพี่ รุมแกล้งทำร้าย-บุลลี ตั้งแต่ มิ.ย. 67 จนเกิดความเครียด ป่วยซึมเศร้า ตัดสินใจกินยา 30 เม็ด หวังจบชีวิต
27 ม.ค. 68 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แม่พาลูกสาวนักเรียนชั้น ม.2 วัย 14 ปี เดินทางจาก จ.กำแพงเพชร ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แม่แจ้งว่า ลูกสาวถูกเพื่อนนักเรียนชาย ม.2 ในห้องเรียนเดียวกัน 2 คน ร่วมกับรุ่นน้อง ม.1 และรุ่นพี่ ม.3 รวม 4 คน คอยกลั่นแกล้ง บุลลี ทำร้ายร่างกายเป็นประจำ โดยเตะฟุตบอลอัดใส่ที่ใบหน้า ถีบหลัง ใช้เท้าพาดไหล่ ตบศีรษะ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 67 เป็นเวลา 8 เดือน ลูกสาวเครียดจัดไม่อยากไปโรงเรียน
ที่ผ่านมานำเรื่องไปบอกครู ซึ่งครูก็ได้ทำโทษกลุ่มนักเรียนชายและทำทัณฑ์บนไว้ แต่ทั้ง 4 คนกลับไม่เข็ดหลาบยังแกล้งลูกสาวหนักกว่าเดิม จนกระทั่งวันที่ 17 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ลูกสาวเครียดจัดคิดสั้นกินยาเกินขนาด 30 เม็ดหวังจบชีวิต พ่อแม่เห็นจึงรีบพาลูกส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการล้างท้องช่วยไว้ได้ทัน ต้องนอนโรงพยาบาลถึง 3 คืน 4 วัน และแพทย์ได้วินิจฉัยว่าลูกสาวมีอาการเครียดสะสม ป่วยซึมเศร้า แม่ต้องการจะย้ายโรงเรียนให้ลูก และอยากให้มีการลงโทษและปรับพฤติกรรมเด็กนักเรียนชายกลุ่มนี้จะได้ไม่ไปทำกับเด็กคนอื่นอีก
แม่กล่าวอีกว่า ลูกสาวเป็นเด็กค่อนข้างอ่อนแอ ไม่สู้คน ไปโรงเรียนทุกวัน ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า เริ่มถูกกลุ่มเด็กนักเรียนชายกลั่นแกล้งช่วงม.2 เทอม 1 โดยด.ช.เอ กับด.ช.บี (นามสมมุติ) ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันชอบบุลลีหน้าตา ด่าหยาบคาย ตบศีรษะ ถีบหลัง ยกขาพาดไหล่ เอาหนังสือเรียน และสมุดเรียน รองเท้านักเรียน เสื้อคลุมนักเรียนไปทิ้งถังขยะหลังห้องเรียน ค้นกระเป๋าเอาผ้าอนามัยไปเล่นและไปแขวนหน้าห้องเรียน ตะโกนพูดว่าเป็นของลูกสาวทำให้อายคนอื่น
ที่หนักสุดคือ วันที่ 14 มิ.ย.67 ขณะที่ลูกสาวนั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่ข้างสนามฟุตบอล ด.ช.เอ ได้แกล้งเตะฟุตบอลมาอัดใส่หน้าอย่างจังจนหน้ามืดเป็นลม ขณะที่ด.ช.บี ที่ยืนดูอยู่ก็หัวเราะชอบใจ หลังเกิดเหตุลูกสาวได้ไปบอกครูที่ปรึกษา ซึ่งครูได้ทำการตักเตือนไปแล้ว แต่ ด.ช.เอ กับ ด.ช.บี ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมกลั่นแกล้งลูกสาวตนมาโดยตลอด แถมยังข่มขู่ห้ามไปบอกครูหรือบอกพ่อแม่อีกไม่งั้นจะโดนหนักกว่าเดิม และเวลาที่เพื่อนผู้หญิงจะเข้าไปช่วยก็ถูกด.ช.เอ กับ ด.ช.บี ข่มขู่ด้วยเช่นกัน
ส่วน ด.ช.ซี (นามสมมุติ) รุ่นน้องม.1 อายุ 13 ปี ก็ชอบแกล้งผลักลูกสาว ด่าหยาบคาบทุกครั้งที่เจอหน้า ขณะที่ ด.ช.ดี (นามสมมุติ) รุ่นพี่ม.3 ได้ทำร้ายลูกสาว เช่น เตะก้อนหินใส่หัวและขา จุดไฟแช็กใส่หน้า และบุลลี เวลาที่ลูกสาวถูกกลั่นแกล้งจะอดทน ไม่กล้าบอกครูและพ่อแม่ มีแค่บางครั้งที่ลูกสาวทนกับเหตุการณ์ไม่ไหวถึงจะมาบอก และดูเหมือนว่าลูกสาวจะถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจหนักขึ้นเรื่อย ๆ แม่มาสังเกตเห็นว่าระยะหลัง เวลาลูกสาวเลิกเรียนกลับมาบ้านมักจะบ่นปวดหัวอยู่ตลอด ไม่อยากไปโรงเรียน แม่จึงพาลูกไปหาหมออยู่บ่อยครั้ง ก็พบว่าลูกมีอาการเครียด ก็รักษามาตลอด
กระทั่งลูกสาวมาคิดสั้นกินยาเกินขนาด แม่เสียใจมากที่ลูกทำแบบนี้ แม่ถามเหตุผลทำไมลูกถึงจะฆ่าตัวตาย ลูกบอกว่า "ถูกเพื่อนแกล้ง ครูก็ได้แต่ทำทัณฑ์บนเรียกตักเตือนเท่านั้น ไปโรงเรียนก็โดนหนักกว่าเดิมทุกวัน ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว" ฟังแล้วใจแม่แทบสลายอยากจะช่วยลูกให้ได้ ซ้ำร้ายหลังจากส่งลูกสาวไปล้างท้องรอดชีวิตแล้ว เมื่อเพื่อนที่โรงเรียนรู้ข่าว มีกลุ่มเพื่อนของเด็กนักเรียนชายทั้ง 4 คน ที่ก่อเหตุยังได้ส่งข้อความมาเยาะเย้ย เหน็บแนมว่า “โดนแค่นี้ถึงกับเป็นซึมเศร้าเลยหรือ?” หลังได้ข้อความลูกสาวก็พยายามจะฆ่าตัวตายอีก ทุกคนในครอบครัวจึงต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิด แม่คิดว่าเรื่องจะไปกันใหญ่แล้วจึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับแจ้งเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาแห่งนี้ ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร โดยได้มอบหมายให้ นายธีร์ดนย์ ศรสีฟ้า ผอ.กลุ่มส่งเสริมความสุขและความปลอดภัย ศสป สพฐ. มาร่วมประชุมกับนางปวีณาและแม่ของด.ญ.วัย 14 ปี นักเรียนชั้นม.2 ผู้เสียหาย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตั้งคณะกรรมการสอบโรงเรียนให้มีมาตราการลงโทษนักเรียนผู้กระทำผิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกในโรงเรียนอีก
นายธีร์ดนย์ ศรสีฟ้า ผอ.กลุ่มส่งเสริมความสุขและความปลอดภัย ศสป สพฐ. กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจ.กำแพงเพชร เรื่องการย้ายโรงเรียนของน้อง ซึ่งช่วงนี้ใกล้จะจบภาคการศึกษาช่วงชั้นเรียน ทางโรงเรียนเดิมจึงจะได้จัดการเรียนการสอนให้กับน้องที่บ้านเพื่อให้จบชั้น ม.2 ก่อนจะย้ายไปโรงเรียนใหม่ ขณะเดียวกันทางกระทรวงศึกษาธิการมีนักจิตวิทยาจะได้ส่งเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของน้องด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการจะติดตามการช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจของน้องทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาในโรงเรียน โดยได้ประสาน ดร.ธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ดร.ตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. ได้มอบหมายให้ นายธีรดนย์ สีฟ้า ผอ.กลุ่มส่งเสริมความสุขและความปลอดภัย ศสป. สพฐ. และเจ้าหน้าที่ศูนย์ความปลอดภัย สพฐ. มาร่วมประชุมและรับเรื่อง โดยให้ตั้งคณะกรรมการสอบโรงเรียนให้มีมาตราการลงโทษนักเรียนผู้กระทำผิด หากพบมีการกระทำความผิดจริงก็จะต้องดำเนินการลงโทษตามมาตรการ และให้ผู้ปกครองเข้ามารับทราบเนื่องจากนักเรียนที่กระทำความผิดยังเป็นเยาวชน ซึ่งไม่ควรจะทำแบบนี้กับเพื่อน หรืออาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะร่วมกับ สพฐ. ช่วยเหลือ ด.ญ. 14 ปี ผู้เสียหาย อย่างใกล้ชิดต่อไป