สนามข่าว 7 สี - เป็นคดีที่คาใจ กรณีของคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์คลินิกเสริมความงาม ได้เงินสดไปเกือบ 1 ล้านบาท ผ่านไป 3 วัน ตำรวจจับได้ แต่ตามเงินคืนมาได้กว่า 100,000 บาท ผู้ต้องหาอ้างว่า ใช้จ่ายไปหมด แต่ผู้เสียหายไปจับโป๊ะ พบว่าก่อนถูกจับไม่ถึง 1 วัน คนร้ายมีการแวะไปหาผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
นายประเวศ อายุ 53 ปี คนร้ายที่บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์คลินิกเสริมความงามชื่อดัง ซอยพหลโยธิน 31 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ได้เงินสด 983,000 บาท พระเลี่ยมทอง 3 องค์ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เหตุเกิดวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา เวลา 23.00 น. แม้ผู้ต้องหาคนนี้ถูกดำเนินคดีแล้ว แต่ประเด็นที่ นายแพทย์สุรการ เจ้าของคลินิก คาใจ คือ การนำเงินสดของกลาง 855,500 บาท ไปใช้ในเวลาอันสั้น
จึงตัดสินใจออกตามหาทรัพย์สิน โดยไปพบกับลูกสาวของนายประเวศ ที่บ้านพัก ทราบว่าผู้ต้องหาได้นำพระเครื่องที่ขโมยไปมาฝากลูก และลูกสาวยังบอกด้วยว่า พ่อพูดว่าจะไปพบผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เคยดูแลพ่อ ก่อนที่พ่อจะถูกตำรวจจับช่วงค่ำวันเดียวกัน (16 ม.ค.) ผู้เสียหายจึงตั้งข้อสังเกตว่ามีการพูดคุยฝากฝัง หรือมีลับลมคมในอะไรหรือไม่
ทีมข่าว 7HD จึงไปสอบถามรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สน.พหลโยธิน บอกจากการสอบสวน นายประเวศให้การว่า หลังก่อเหตุได้เงินสดไปเพียง 300,000 กว่าบาท
นำเงินสดไปใช้จ่ายซื้อในห้างสรรพสินค้า และนำไปซื้อบริการทางเพศ จึงเหลือเงินสดกว่า 100,000 บาท แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะผู้ต้องหาได้เงินสดไป จึงยากต่อการตรวจสอบว่านำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง และตัวผู้ต้องหาเองก็ให้การไม่ตรงกับความจริงที่ปรากฏ
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายเรียกพยาน 2 คน คือ ลูกสาวที่ผู้ต้องหานำพระเลี่ยมทองไปฝากไว้ และหญิงรายหนึ่งที่ผู้ต้องหาติดต่อไปขอซื้อที่ดินในจังหวัดสุโขทัย ราคา 50,000 บาท เพื่อนำข้อมูลมาประกอบสำนวนคดี
ส่วนดีลลับที่ผู้เสียหายคาใจ ตำรวจยังไม่มีข้อมูลจากคำให้การของผู้ต้องหา แต่หากมีหลักฐานเพียงพอก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้
ส่วนการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายประเวศ หลังพ้นโทษออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ วันที่ 6 มกราคม เข้าไปลักทรัพย์สินคลินิกเสริมความงาม พื้นที่ สน.พหลโยธิน ได้เงินไปไม่กี่พันบาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระทั่งวันที่ 13 มกราคม เข้าไปลักทรัพย์คลินิกเสริมความงามของผู้เสียหาย ก่อนถูกตำรวจจับ ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย เป็นโทรศัพท์ของคลินิกร้านแรกที่เข้าไปขโมย
กรณีนี้ตั้งข้อสังเกตว่าคนร้ายเล็งลักทรัพย์คลินิกเสริมความงามหรือไม่ เหมือนรู้ว่าคลินิกดังมักมีเงินสดเก็บไว้จำนวนมาก เพราะลูกค้าระดับไฮเอ็นมักจ่ายด้วยเงินสด