ลอยตัวไม่ได้แล้ว ครม.เห็นชอบ แก้ไข พ.ร.ก.ไซเบอร์ เพิ่มโทษ ธนาคาร-ค่ายมือถือ ร่วมรับผิดชอบคืนเงินเหยื่อ คาดมีผลบังคับใช้ ก.พ.68
วันนี้ (28 ม.ค.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงดีอีนำเสนอ แก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) โดยมีเหตุผลความเร่งด่วน หลังรัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหายเฉลี่ย 60 - 70 ล้านบาทต่อวัน จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ปัญหานี้ ภายหลังจากที่ ครม.เห็นชอบ และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งเลขาธิการกฤษฎีกา ระบุจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน และคาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้ในเดือน ก.พ.นี้
สำหรับ พ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญคือ เพิ่มอำนาจการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด, เพิ่มหน้าที่ให้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Telco provider) ต้องระงับซิมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด, เพิ่มหน้าที่การส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีม้าของธนาคารต่าง ๆ ไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วมากขึ้น, เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์ม P2P รวมถึงธนาคารที่ไม่ปฏิเสธการเปิดบัญชีของคนร้าย, เพิ่มบทลงโทษผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล, และเพิ่มบทลงโทษให้สถาบันทางการเงิน เครือข่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
พ.ร.ก.ฉบับนี้ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรืออาชญากรรมไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ประกอบกัน เนื่องจากกฎหมายนี้เป็นหนึ่งในมาตรการดำเนินการอีกทั้งยังมีมาตรการอื่นอีก เช่น การทำงานร่วมกับต่างประเทศในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีฐานที่ตั้งบริเวณชายแดน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งล่าสุดได้นำเสนอเรื่องนี้เป็นรายงานในที่ประชุม ซึ่งทุกประเทศก็เห็นพ้องในการยกระดับร่วมกันและถือว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงในโซเชียล เป็นภัยที่ทุกประเทศต้องตระหนัก จึงต้องทำงานร่วมกัน