วันนี้ (29 ม.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ร่วมจับกุม นายเจษฎา อายุ 26 ปี ในข้อหา "ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น, ขับรถผ่านทางม้าลายโดยไม่หยุดให้คนข้าม และขับรถย้อนศร"
สืบเนื่องจากตามที่ปรากฏของสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่มีผู้ขี่รถจักรยานยนต์ขับฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทางและเฉี่ยวชนผู้เสียหายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลาย บริเวณ ถ.ราชดำริ หน้า รพ.จุฬาลงกรณ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปสวนลุมพินี หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้มาแจ้งความไว้แล้ว โดยฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ได้เชิญตัว นายเจษฎา มาพบพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จากการสอบถาม ยนายเจษฎา ให้การอ้างว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ ขณะตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเพื่อไปรับแฟน เมื่อมาถึงบริเวณทางม้าลายหน้า รพ.จุฬา ตนไม่สามารถหยุดรถได้ทัน แล้วมีชายตะโกนด่าและพยายามวิ่งมาทำร้าย ตนจึงย้อนรถกลับเพื่อแกล้งไล่ชายคนดังกล่าว จากนั้นได้แยกย้ายกันไป อย่างไรก็ตาม ตนสำนึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษกับสิ่งที่ตนได้ทำลงไป
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. 67 เวลาประมาณ 16.59 น.บนถนนราชดำริ ช่วงทางม้าลายหน้า รพ.จุฬาลงกรณ์ ฝั่งมุ่งหน้าไปสวนลุมพินี ซึ่งขณะนั้นมีการจัดงานกาชาด โดยจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าสัญญาณไฟแดงขึ้นแล้ว ยังมีรถยนต์กับรถจักรยานยนต์ยังขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณผ่านไปก่อนแล้ว 3 คัน จากนั้นผ่านไปประมาณ 3 วินาที จึงได้มีคนเดินข้ามทางม้าลาย ต่อจากนั้นได้มีชายขี่รถจักรยานยนต์มาลักษณะเหมือนจะไม่หยุดรถ พยายามขับฝ่าไฟแดง ทั้งที่มีคนเดินข้ามทางม้าลายมาได้ครึ่งทางแล้ว ก่อนจะหยุดรถตรงมางม้าลายซึ่งเกือบจะชนคนเดินข้าม จึงทำให้หนุ่มใส่เสื้อสีชมพูซึ่งเป็นคนเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายดังกล่าว ทำท่าจะกระโดดถีบคนขี่รถจักรยานยนต์
ขณะเดียวกันหนุ่มคนใส่เสื้อสีชมพูให้ข้อมูลว่า คนที่ขี่รถจักรยานยนต์หัวร้อน ด่าด้วยคำหยาบ จึงมีการด่าตอบโต้ไปมา ก่อนที่คนขี่รถจักรยานยนต์จะวนรถย้อนมาขี่ไล่ชน และหลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี โดยตำรวจบอกทะเบียนรถไม่ชัด และยังไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นคดีอาญาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก กระทั่งเหตุการณ์นี้เพิ่งมาเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียภายในวันสองวันนี้ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งพฤติกรรมของคนขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่มีสำนึก และชื่นชมยกให้หนุ่มเสื้อสีชมพูที่ทำท่าจะกระโดดถีบเป็นตัวแทนหมู่บ้านรวมทั้งตัวแทนของคนในสังคม ตลอดจนตำหนิการทำหน้าที่ของตำรวจที่บอกกับผู้เสียหายว่าทะเบียนรถคนก่อเหตุไม่ชัด
ทั้งนี้เมื่อเป็นกระแสและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทางตำรวจ สน.ลุมพินี สามารถรู้ตัวคนก่อเหตุ และนำตัวมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเอาผิด 3 ข้อหา ซึ่งทางผู้ก่อเหตุก็อ้างว่าหยุดรถไม่ทัน ซึ่งย้อนแย้งกับภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดที่เหมือนเจตนาจะฝ่าไฟแดง พอถูกจับได้ก็บอกว่าสำนึกผิด และอยากขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป